เดือนสุดท้ายของฤดูกาลแข่งขันพรีเมียร์ ลีกได้เริ่มขึ้นแล้ว เชลซีมีคิวเดินทางข้ามฝั่งในเมืองหลวงไปแข่งขันที่ลอนดอน สเตเดี้ยม ทาง ริค แกลนวิลล์ และ พอล ดัตตั้น นักประวัติศาสตร์กับนักสถิติของสโมสร ได้รวบรวมข้อมูลก่อนเกมนัดนี้มาให้เราได้อ่านกัน...
การแข่งขันนัดนี้เป็นเกมแรกจาก 3 แมตช์ที่เหลืออยู่ในการเผชิญหน้ากับสโมสรซึ่งอยู่ใน 5 อันดับด้านล่างของตาราง โดยเชลซีต้องการ 17 คะแนนจากความเป็นไปได้ทั้งหมด 21 แต้ม เพื่อการันตีการคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้า
ความสำเร็จเหนือเลสเตอร์ในศึกเอฟเอ คัพเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หมายความว่าสิงห์บลูส์คว้าชัยชนะใน 5 หลังสุดรวมทุกรายการ โดยปราบได้ทั้งลิเวอร์พูล (แชมป์พรีเมียร์ ลีก), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ทีมอันดับ 2) และเลสเตอร์ (ทีมอันดับ 3) หากพวกเราเอาชนะเวสต์ แฮม จะทำให้เก็บชัยชนะ 6 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนตุลาคม 2019 ซึ่ง ณ ตอนนั้นพวกเราคว้าชัย 7 นัดรวด
ขณะที่เชลซีไม่สามารถทะลวงตาข่ายในการแข่งขันสองนัดหลังสุดที่เราบุกไปเยือนถิ่นลอนดอนตะวันออก ทีมเจ้าบ้านพ่ายแพ้ในลีกมา 3 นัดติดต่อกันโดยยิงไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวและโดนกดไป 5 ตุง ปัจจุบัน "ขุนค้อน" ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีกสูงสุดในช่วง 8 นัดที่ผ่านมา และมีสถิติการเล่นในบ้านที่แย่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีกในฤดูกาลนี้ นอกจากนี้พวกเขายังพ่ายแพ้เกินกว่าครึ่งในการเล่นที่ลอนดอน สเตเดี้ยม และเสียประตูอย่างน้อย 1 ลูกใน 5 แมตช์ที่ผ่านมา
'ก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างในการเล่นแบบไม่มีคนดู ผมคงโกหกถ้าบอกว่าผมชอบแบบนี้' เดวิด มอยส์ กุนซือเวสต์ แฮม ยอมรับหลังปราชัยให้กับวูล์ฟส์ 'เราคิดถึงบรรยากาศ เราต้องรับมือกับเรื่องแบบนี้ให้ดีขึ้น'
แฟรงค์ แลมพาร์ด อาจได้รับการยกโทษหากรู้สึกยินดีที่แฟนบอลเจ้าบ้านไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วม หลังเสียงโห่ฮาที่เคยได้รับ นายใหญ่ของเรากำลังได้เห็นเหล่านักเตะปรับตัวเข้ากับการเล่นโดยไม่มีเสียงเชียร์ของแฟนบอลสิงห์บลูส์ แต่เขาพยายามอัดฉีดความกระตือรือร้นลงสู่ทีม พร้อมกับเก็บผลการแข่งขัน
สิงห์บลูส์ เล็งคว้าชัยชนะในการเล่นเป็นทีมเยือน 4 นัดติดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 สำหรับการแข่งขันดาร์บี้ แมตช์ในศึกพรีเมียร์ ลีก
— สถิติสำคัญ
ความได้เปรียบในการเล่นที่เมืองหลวง
การแข่งขันในลีก 3 นัดถัดไปของเชลซีจะเตะในเมืองลอนดอนทั้งหมด - 2 นัดในนั้นเป็นศึกดาร์บี้ แมตช์ สิงห์บลูส์ คว้าชัยชนะในการเล่นที่เมืองหลวงยามเป็นทีมเยือนมาได้ 3 นัดติดต่อกันแล้ว (อาร์เซนอล, ท็อตแน่ม และฟูแล่มเมื่อฤดูกาลที่แล้ว) โดยเกมนอกบ้านหลังจากเวสต์ แฮม คือการแข่งขันกับคริสตัล พาเลซ
ลูกทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ไม่เพียงแต่ทำผลงานในศึกลอนดอน ดาร์บี้ได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ แต่เรายังมีลุ้นจบอันดับสูงสุดของสโมสรในเมืองหลวงเป็นครั้งที่ 13 จาก 16 ฤดูกาลที่ผ่านมา
ลงเล่น | ชนะ | เสมอ | แพ้ | คะแนน | คะแนนเฉลี่ยต่อเกม | |
---|---|---|---|---|---|---|
เชลซี | 6 | 4 | 1 | 1 | 13 | 2.2 |
ท็อตแน่ม | 6 | 3 | 1 | 2 | 10 | 1.7 |
อาร์เซนอล | 7 | 2 | 4 | 1 | 10 | 1.4 |
คริสตัล พาเลซ | 6 | 2 | 2 | 2 | 8 | 1.3 |
เวสต์ แฮม | 7 | 1 | 0 | 6 | 1 | 0.1 |
มีข้อมูลอีกอย่างที่เราอยากแจ้งให้รู้ เบรนท์ฟอร์ด และ ฟูแล่ม สองสโมสรจากลอนดอน กำลังลุ้นพื้นที่เพลย์ออฟในลีกแชมเปี้ยนชิพ
เกณฑ์มาตรฐานจากการแข่งขันกับซิตี้
เชลซี ยิงประตูได้อย่างน้อย 2 ลูกในการลงเล่นพรีเมียร์ ลีก 5 นัดหลังสุด และเกือบทำได้มากกว่านี้ในการแข่งขันกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว สิงห์บลูส์ ใช้แผนการเล่นที่ปกคลุมทุกพื้นที่ในสนามเพื่อรับมือกับทีมอันดับ 2 ของลีกโดยมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คอยดูแลในบทบาทโฮลดิ้งมิดฟิลด์
ถือเป็นครั้งที่ 4 ในฤดูกาลนี้ที่เชลซียิงตรงกรอบ 10 ครั้ง (ซิตี้ ทำได้เพียง 2 ครั้ง) โดยก่อนหน้านี้เป็นการเฝ้าบ้านพบไบรท์ตัน (10 ครั้ง), บุกเยือนวัตฟอร์ด (10 ครั้ง) และแข่งขันกับเอฟเวอร์ตันที่เดอะ บริดจ์ (11 ครั้ง)
การแข่งขันกับ "เรือใบสีฟ้า" เป็นเพียงนัดที่สองในเกมลีกซีซั่นนี้ที่คู่แข่งครองบอลได้มากกว่าพวกเรา อีกนัดที่เกิดขึ้นคือแมตช์ที่พบกับท็อตแน่ม ซึ่ง เดอะ บลูส์ เอาชนะด้วยสกอร์เดียวกับเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว นั่นก็คือ 2-1
ปัจจุบัน คริสเตียน พูลิซิช ทำประตูได้มากที่สุดในลีกฤดูกาลนี้สำหรับนักเตะอายุ 21 ปีหรือต่ำกว่า เขายิงไปแล้ว 7 ประตู คิดเป็นค่าเฉลี่ย 1 ลูกในทุก ๆ 172 นาทีที่ลงสนาม 3 ประตูใน 5 นัดของ วิลเลี่ยน ทำให้เขายิงประตูรวมให้กับพวกเราไปแล้ว 60 ลูก ถือเป็นนักเตะต่างชาติลำดับที่ 7 ของเชลซีที่ยิงถึงตัวเลขนี้ได้
ทำเนียบดาวซัลโวต่างชาติ
ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 164
เอเด็น อาซาร์ 110
จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงก์ 87
จานฟรังโก้ โซล่า 80
ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น 78
ซาโลมง กาลู 60
วิลเลี่ยน 60
นิโกล่าส์ อเนลก้า 59
ดิเอโก้ คอสต้า 59
เปลี่ยนสำรอง 5 ตัว
บรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย อาจเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างของช่วงเวลาที่มีการทำประตูเกิดขึ้น โดยนับตั้งแต่ฟุตบอลกลับมาแข่งขัน มีการยิงประตูในครึ่งแรกเพียงแค่ 28% ส่วนอีก 72% เกิดขึ้นในครึ่งหลัง ไม่แน่ว่ากฎการเปลี่ยนตัวสำรองที่ถูกปรับเพิ่มเป็น 5 คน จะมีผลกระทบที่ใหญ่กว่าที่หลายคนรับรู้
สำหรับครึ่งเวลาหลังในการแข่งขันบอลถ้วยกับเลสเตอร์ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตัดสินใจเปลี่ยนนักเตะ 3 คน เพื่อยกระดับการเล่นของทีมหลัง 45 นาทีแรกที่ต่ำกว่ามาตรฐาน (เขายอมรับว่าอาจเปลี่ยนมากกว่านี้ หรือเลือกเปลี่ยนนักเตะที่แตกต่างออกไป) ผลลัพธ์คือ รอสส์ บาร์คลี่ย์ แข้งที่ถูกส่งลงในครึ่งหลังยิงประตูโทนในการแข่งขัน
ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วนับตั้งแต่ฟุตบอลกลับมาแข่งขันที่การปรับทัพของโค้ช มีอิทธิพลโดยตรงต่อเกม ในแมตช์ที่ปราบแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทมมี่ อับราฮัม เป็นคนที่เรียกจุดโทษให้กับทีม ส่วนในเกมกับแอสตัน วิลล่า คริสเตียน พูลิซิชก็ยิงประตูตีเสมอหลังลุกจากม้านั่งสำรองมาลงสนามแค่ 5 นาที
แก้ตัวจากการปราชัย 'สุดช็อค' ในบ้าน
ย้อนกลับไปในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เวสต์ แฮม เปิดแผลบุกชนะพวกเราในบ้านทำให้หลังจากนั้นผลงานที่เดอะ บริดจ์ของเชลซีไม่กระเตื้องจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ หากอารอน เครสส์เวลล์ ไม่สามารถส่งบอลผ่านมือเกปา อาร์ริซาบาลาก้า หรือเดวิด มาร์ติน นายด่านมือ 3 ทีมขุนค้อนไม่สามารถเก็บคลีนชีตครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ปัจจุบัน "ขุนค้อน" จะอยู่ในอันดับรองสุดท้ายของตารางพรีเมียร์ ลีก
ผลการแข่งขันดังกล่าวเป็นชัยชนะครั้งแรกของ เวสต์ แฮม ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ในระยะเวลายาวนาน 17 ฤดูกาล แต่พวกเขาเอาชนะพวกเราได้ 3 จาก 7 นัดหลังสุดยามเล่นในบ้านของตัวเอง ทีมของเราบุกไปเอาชนะพวกเขาได้ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2017 ภายใต้การคุมทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ โดยผลงานนัดนั้นคู่ควรมากกว่าการคว้าชัยชนะแค่ 2-1
มอยส์ มีความกังวลว่าทีมของเขา 'ขาดนักเตะตัวรุก และมีตัวเลือกน้อย' นับตั้งแต่ฟุตบอลกลับมารีสตาร์ต มิคาอิล อันโตนิโอ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าในการแข่งขันทั้ง 2 นัดที่ผ่านมาของพวกเขา โดยเจ้าตัวยิงตรงกรอบ 2 ครั้งจากทั้งหมด 4 ครั้งที่ทีมทำได้ พวกเขายังไม่สามารถยิงประตูใส่คู่แข่งได้แม้แต่ลูกเดียว
นักเตะคนสำคัญที่หายไปของเวสต์ แฮม มีทั้งโรเบิร์ต สนอดกราสส์ ซึ่งปกติจะรับเหมาเตะมุมและเล่นลูกฟรีคิก แต่มีอาการบาดเจ็บที่แผ่นหลังและต้องพักยาว รวมทั้งอังเจโล่ อ๊อกบอนน่า เกมรับจอมขยันซึ่งมีชื่อเป็นตัวสำรองในนัดที่แล้ว
ลงเล่น | คะแนน | ประตูได้เสีย | สูงสุด | ||
---|---|---|---|---|---|
1 | ลิเวอร์พูล | 31 | 86 | 49 | 107 |
2 | แมนฯ ซิตี้ | 31 | 63 | 44 | 84 |
3 | เลสเตอร์ ซิตี้ | 31 | 55 | 30 | 76 |
4 | เชลซี | 31 | 54 | 14 | 75 |
5 | วูล์ฟส์ | 32 | 52 | 11 | 70 |
6 | แมนฯ ยูไนเต็ด | 31 | 49 | 17 | 70 |
7 | ท็อตแน่ม | 31 | 45 | 9 | 66 |
8 | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 31 | 44 | -1 | 65 |
9 | อาร์เซนอล | 31 | 43 | 2 | 64 |
เลสเตอร์ | เชลซี | วูล์ฟส์ | แมนฯ ยูไนเต็ด |
---|---|---|---|
เอฟเวอร์ตัน (เยือน) | เวสต์ แฮม (เยือน) | อาร์เซนอล (เหย้า) | บอร์นมัธ (เหย้า) |
พาเลซ (เหย้า) | วัตฟอร์ด (เหย้า) | เชฟฟ์ ยูไนเต็ด (เยือน) | แอสตัน วิลล่า (เยือน) |
อาร์เซนอล (เยือน) | พาเลซ (เยือน) | เอฟเวอร์ตัน (เหย้า) | เซาท์แธมป์ตัน (เหย้า) |
ขุนค้อน รอด ไม่รอด?
หลังการปราชัย 2-0 ในเกมนัดที่สองตั้งแต่ฟุตบอลกลับมาแข่งขัน เวสต์ แฮม อยู่ในอันดับเหนือโซนตกชั้นแค่ 1 ที่ โดยเป็น 1 ใน 3 ทีมท้ายตารางที่คะแนนเท่ากันอยู่ที่ 27 แต้ม
อย่างไรก็ตาม พวกเขาอยู่ในจุดที่ถือว่าดีกว่าเดิม ก่อนที่ฟุตบอลจะกลับมาเตะกัน สูตรหนึ่งที่ถูกพิจารณาในการแก้ปัญหาว่าทีมใดจะต้องตกชั้นคือการหาค่าคะแนนเฉลี่ยต่อเกม โดยสะท้อนจากผลงานในบ้านและนอกบ้าน หากสิ่งดังกล่าวถูกนำมาใช้ "ขุนค้อน" ต้องตีตั๋วเที่ยวเดียวลงสู่แชมเปี้ยนชิพทันที
ณ เวลานี้ พวกเขาเป็น 1 ใน 6 ทีม ที่อาจร่วงชั้นลงสู่ลีกรอง ปกติแล้วผลงานที่ดีในบ้านมีความสำคัญต่อการอยู่รอดในลีกสูงสุด แต่ด้วยสนามที่ไร้แฟนบอล มีเพียงแค่สโมสรเดียวจาก 6 ทีมอันตรายที่เก็บชัยในบ้านตัวเองได้ (ตั้งแต่การรีสตาร์ตของพรีเมียร์ ลีก) นั่นคือไบรท์ตันที่เอาชนะอาร์เซนอล
นิมิตหมายที่ดีกับผลจับสลากเอฟเอ คัพยังดำเนินต่อไป
รูปแบบอันน่าทึ่งที่เชลซีจับสลากพบกับทีมที่เราเคยคว้าชัยชนะได้ 2 ครั้งหรือมากกว่าและก้าวไปคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ยังคงดำเนินต่อไป โดยเป็นการพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในรอบรองชนะเลิศ
ในฤดูกาลนี้ สิงห์บลูส์ เขี่ย น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เคยชนะในฤดูกาล 1999/00, 2006/07), ฮัลล์ ซิตี้ (1999/00, 2017/18), ลิเวอร์พูล (1996/97, 2011/12) และล่าสุดคือเลสเตอร์ (1996/97, 1999/00, 2011/12, 2016/17) ตกรอบไปแล้ว
สำหรับการแข่งขันกับ "ปีศาจแดง" ชัยชนะสองนัดก่อนหน้านี้ก่อนทีมทะยานสู่ความสำเร็จเกิดขึ้นในรอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2006/07 และ 2011/12
โปรแกรมและผลการแข่งขันพรีเมียร์ ลีก
คืนวันอังคาร
ไบรท์ตัน 0-3 แมนฯ ยูไนเต็ด
คืนวันพุธ
อาร์เซนอล พบ นอริช 00:00 น.
บอร์นมัธ พบ นิวคาสเซิ่ล 00:00 น.
เอฟเวอร์ตัน พบ เลสเตอร์ 00:00 น.
เวสต์ แฮม พบ เชลซี 02:15 น.
คืนวันพฤหัสบดี
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พบ ท็อตแน่ม 00:00 น.
แมนฯ ซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล 02:15 น.
1 | ลิเวอร์พูล | 31 | 28 | 2 | 1 | 70 | 21 | 49 | 86 | ||
2 | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ | 31 | 20 | 3 | 8 | 77 | 33 | 44 | 63 | ||
3 | เลสเตอร์ ซิตี้ | 31 | 16 | 7 | 8 | 59 | 29 | 30 | 55 | ||
4 | เชลซี | 31 | 16 | 6 | 9 | 55 | 41 | 14 | 54 | ||
5 | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | 32 | 14 | 10 | 8 | 51 | 31 | 20 | 52 | ||
6 | วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส | 32 | 13 | 13 | 6 | 45 | 34 | 11 | 52 | ||
7 | ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ | 31 | 12 | 9 | 10 | 50 | 41 | 9 | 45 | ||
8 | เบิร์นลีย์ | 32 | 13 | 6 | 13 | 36 | 45 | -9 | 45 | ||
9 | เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด | 31 | 11 | 11 | 9 | 30 | 31 | -1 | 44 | ||
10 | อาร์เซนอล | 31 | 10 | 13 | 8 | 43 | 41 | 2 | 43 | ||
11 | คริสตัล พาเลซ | 32 | 11 | 9 | 12 | 28 | 37 | -9 | 42 | ||
12 | เอฟเวอร์ตัน | 31 | 11 | 8 | 12 | 38 | 46 | -8 | 41 | ||
13 | เซาท์แฮมป์ตัน | 32 | 12 | 4 | 16 | 41 | 55 | -14 | 40 | ||
14 | นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด | 31 | 10 | 9 | 12 | 29 | 42 | -13 | 39 | ||
15 | ไบรท์ตัน | 32 | 7 | 12 | 13 | 34 | 44 | -10 | 33 | ||
16 | วัตฟอร์ด | 32 | 6 | 10 | 16 | 29 | 49 | -20 | 28 | ||
17 | เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด | 31 | 7 | 6 | 18 | 35 | 54 | -19 | 27 | ||
18 | บอร์นมัธ | 31 | 7 | 6 | 18 | 29 | 50 | -21 | 27 | ||
19 | แอสตัน วิลล่า | 32 | 7 | 6 | 19 | 36 | 60 | -24 | 27 | ||
20 | นอริช ซิตี้ | 31 | 5 | 6 | 20 | 25 | 56 | -31 | 21 |