เชลซี ขยับเข้าใกล้การผ่านไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้าอีกก้าว โดยพวกเราเอาชนะนอริช ซิตี้ ด้วยสกอร์ที่อาจดูไม่ค่อยเข้ากับรูปเกมมากเท่าไรนัก
ลูกโหม่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรกโดยโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ กลายเป็นประตูตัดสินชัยระหว่างทีมอันดับที่ 3 และทีมอันดับที่ 20 ของพรีเมียร์ ลีก ซึ่งหลังการแข่งขันตำแหน่งของทั้งสองทีมไม่มีความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดย 'นกขมิ้น' ตกชั้นไปแล้ว ส่วน "สิงห์บลูส์" ยังยึดท็อปโฟร์ไว้อย่างเหนียวแน่น
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ลูกทีมของแฟรงค์ แลมพาร์ด ฉีกหนีเลสเตอร์ ซิตี้ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปเป็น 4 คะแนนโดยลงแข่งขันมากกว่าหนึ่งนัด แม้จะประสบปัญหาในเกมรับยามเล่นเป็นทีมเยือน แต่เชลซีสามารถเก็บคลีนชีตนัดที่ 4 จากการเฝ้าบ้าน 5 นัดหลังสุดได้สำเร็จ
ถือเป็นการเก็บสามแต้มที่คู่ควร หลังจากผลงานที่เหนือกว่าชัดเจนซึ่งป้องกันไม่ให้ผู้มาเยือนมีโอกาสยิงตรงกรอบได้แม้แต่ครั้งเดียว ส่วนฝ่ายเราได้ลองซัดไป 20 รอบ แต่ความเฉียบคมไม่เท่าเกมที่ได้เฝ้าบ้านในนัดก่อน ๆ
นาทีต่อนาที - ครึ่งแรก
นาทีที่ 10 - เชลซี เปิดเกมรุกใส่ผู้มาเยือนตั้งแต่นาทีแรก และมีโอกาสได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ อัซปิลิเกวต้า ครอสบอลจากด้านขวาเข้าเขตโทษ เป็น ลอฟตัส-ชีค ที่พยายามโหม่งแต่บอลหลุดออกหลัง
นาทีที่ 20 - ฝ่ายเรายังคงนวดนอริชอยู่เรื่อย ๆ แล้วมาได้ลุ้นอีกเมื่อจอร์จินโญ่วางบอลขึ้นหน้า แม้จะโดนโหม่งสกัดแต่บอลไม่ขาดไปถึงชิรูด์ที่ได้ยิงแต่ ทิม ครูล เซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 27 - สิงห์บลูส์ มาอีกระลอกคราวนี้เป็นการเล่นจากฝั่งซ้าย อลอนโซ่ เติมขึ้นมาสุดเส้นก่อนตบให้พูลิซิชได้ยิงแต่บอลเข้าข้างตาข่าย
นาทีที่ 36 - เชลซี ไม่ได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายเป็นจังหวะการเล่นที่รูดิเกอน์ วางบอลเข้าเขตโทษมาถึงพูลิซิชที่เก็บไว้ได้ก่อนกลับตัวยิงทันที แต่ ครูล โชว์ซูเปอร์เซฟปัดชนคานออกหลัง!
นาทีที่ 37 - จังหวะเตะมุมต่อเนื่อง วิลเลี่ยน วางบอลมาเข้าหัวของ เคิร์ต ซูม่า ปราการหลังชาวฝรั่งเศสโขกย้อนไปเสาแรกแต่หลุดกรอบออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 45+3 - แฟนบอลเชลซีทางจอแก้วได้เฮกันสุดเสียงจากจังหวะการทำเกมฝั่งซ้าย อลอนโซ่ ฝากบอลให้ พูลิซิช ก่อนตัวรุกชาวอเมริกันครอสต่อมาถึงชิรูด์ในกรอบเขตโทษ ได้โหม่งตุงตาข่าย
นาทีต่อนาที - ครึ่งหลัง
นาทีที่ 53 - เริ่มต้นครึ่งหลัง รูปเกมยังเป็นการบุกแบบวันเวย์เช่นเดิมและเชลซีมาได้ลุ้นจากจังหวะเตะมุมแต่ชิรูด์ยังเล็งไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 62 - ทีมเยือนฮึดสู้ขึ้นมาบ้างและมาได้ลุ้นจากจังหวะการเติมเกมของ ลูอิส ที่ได้ลองสับไกแต่บอลติดบล็อคข้ามคานออกไป
นาทีที่ 66 - เชลซี พยายามควานหาประตูที่สองแบบไม่ย่อท้อ และเป็นกัปตันของเราที่ได้ลองส่องจากหน้ากรอบเขตโทษด้วยการปั่นด้วยซ้าย แต่บอลลอยข้ามคานออกไป
นาทีที่ 72 - ความพยายามของเชลซีไม่สัมฤทธิ์ผลง่าย ๆ คราวนี้เป็นโอกาสของ ชิรูด์ ที่ได้โหม่งบอลจากการครอสของอัซปิลิเกวต้าแต่ก็ยังไม่เข้าเป้าอยู่ดี
นาทีที่ 75 - เกินครึ่งทางของครึ่งหลัง ความกดดันของเราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คราวนี้เป็นจังหวะการเล่นของ ชิรูด์ ที่ได้พักบอลอยู่หน้าเขตโทษก่อนจ่ายไปให้พูลิซิชวิ่งเติมขึ้นมายิงมุมแคบแต่โดนนายทวารทีมเยือนปฏิเสธไว้ได้อีก
นาทีที่ 77 - บุกแหลกจริง ๆ สำหรับสิงห์บลูส์ เป็นอัซปิลิเกวต้า เปิดบอลมาจากฝั่งขวาเข้าหัวมาร์กอส อลอนโซ่ แต่ทิม ครูลที่เหมือนจะออกมาผิดจังหวะก็ยังเซฟเอาไว้ได้อีก
นาทีที่ 85 - ชิรูด์ มาได้โอกาสอีกครั้งก่อนโดนถอดออกในจังหวะที่เข้าชาร์จบอลของวิลเลี่ยนแต่หลุดออกหลัง นาทีต่อมา แลมพาร์ด ตัดสินใจเปลี่ยน อับราฮัม ลงมาล่าตาข่ายแทนเขา
หมดเวลาการแข่งขันนัดนี้ พวกเราเฉือนชนะนอริช 1-0 เก็บ 3 คะแนนสุดสำคัญเอาไว้ได้ ทิ้งห่างเลสเตอร์ และแมนฯ ยูไนเต็ด ที่จะลงแข่งขันกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และคริสตัล พาเลซตามลำดับในนัดกลางสัปดาห์ออกไปเป็น 4 แต้ม
ชาบู ชิรูด์
ชิรูด์ กลายเป็นกำลังสำคัญในการผลิตสกอร์ให้กับสิงห์บลูส์นับตั้งแต่ฟุตบอลกลับมาแข่งขันเมื่อเดือนที่แล้ว โดยลูกโหม่งของเขาในนัดนี้ทำให้เขากดไปแล้ว 4 ตุง ตั้งแต่ซีซั่นรีสตาร์ต และเป็นประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ ลีกฤดูกาลนี้ เขายิงประตูได้ 3 นัดติดต่อกันยามลงเป็นตัวจริงในลีกเป็นครั้งแรกในฐานะนักเตะเชลซี และเป็นการยิงประตูที่ 6 จากการออกสตาร์ตพรีเมียร์ ลีก 8 นัดหลังสุดอีกด้วย
ลูกกลางอากาศถือเป็นจุดเด่นสำหรับการค้าแข้ง 8 ปีในประเทศอังกฤษของเขา โดยประตูล่าสุดเป็นลูกโหม่งที่ใส่สกอร์ครั้งที่ 31 ในพรีเมียร์ ลีก มากกว่านักเตะคนอื่น 5 ตุงนับตั้งแต่ซัมเมอร์ ปี 2012
ฮาคิม เข้าชมเกม!
ฮาคิม ซิเยค นักเตะคนใหม่ที่เราคว้ามาจากอาแย็กซ์ ได้เดินทางมาที่สแตมฟอร์ด บริดจ์เพื่อให้กำลังใจเพื่อนใหม่ของเขา ปีกชาวโมร็อคโก เริ่มต้นฝึกซ้อมเดี่ยวที่ค็อบแฮมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากเดินทางถึงลอนดอนตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว และยังไม่สามารถมีส่วนร่วมจนกว่าฤดูกาลปัจจุบันจะได้ข้อสรุป
เขานั่งชมการแข่งขันจากบนอัฒจันทร์ โดยสิงห์บลูส์คว้าชัยนัดสำคัญเพื่อการผ่านไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกในซีซั่นหน้าได้
การจัดทัพ
แฟรงค์ แลมพาร์ด ปรับทัพ 5 ตำแหน่งในการแข่งขันกับนอริช โดยมาเตโอ โควาซิช กลับมาเป็นตัวจริงครั้งแรก ตั้งแต่ประสบอาการบาดเจ็บในเกมกับเวสต์ แฮม
มิดฟิลด์ชาวโครแอต ลงเล่นร่วมกับรูเบน ลอฟตีส-ชีค และจอร์จินโญ่ในแผงมิดฟิลด์ ขณะที่อลอนโซ่ และโทนี่ รูดิเกอร์ ได้กลับมายืนคุมแนวรับ ส่วนแดนหน้ามีชิรูด์เป็นผู้นำ
เกมถัดไป?
เราจะได้พักเต็ม ๆ ถึง 5 วัน ก่อนการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เวมบลีย์ การแข่งขันนัดนี้จะคิกออฟในเวลาเที่ยงคืนของวันอาทิตย์
เชลซี (4-3-3) เกปา; อัซปิลิเกวต้า (c), ซูม่า, รูดิเกอร์, อลอนโซ่ (เจมส์ 81); ลอฟตัส-ชีค (บาร์คลี่ย์ 67), จอร์จินโญ่, โควาซิช; วิลเลี่ยน, ชิรูด์ (อับราฮัม 86), พูลิซิช (ฮัดสัน-โอดอย 81)
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม กาบาเยโร่, คริสเตนเซ่น, โทโมรี, เมาท์, เปโดร
ผู้ทำประตู ชิรูด์ 45+3
ใบเหลือง ซูม่า 60; โควาซิช 62
นอริช ครูล; อารอนส์, กอดเฟรย์, โคลเซ่, ลูอิส; เทตเทย์ (c) (สตีเปอร์มันน์ 79), แม็คคลีน; รูปป์ (มาร์ติน 89), แคนท์เวลล์ (บูเอนเดีย 72), เอร์นานเดซ (ปุ๊กกี้ 79); เดอร์มิช (ไอดาห์ 79)
ตัวสำรอง แม็คโกเวิร์น, วรานิช, ธรายบูลล์, โธมัส
ใบเหลือง แคนท์เวลล์ 59
ผู้ตัดสิน โจนาธาน มอสส์