ศึกพรีเมียร์ ลีกนัดรองสุดท้ายมอบโอกาสให้เราได้เก็บ 3 คะแนนที่จะการันตีตั๋วฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้ากลับไปที่ลอนดอน ริค แกลนวิลล์ กับ พอล ดัตตัน นักประวัติศาสตร์และนักสถิติของสโมสรได้รวบรวมข้อมูลสำคัญก่อนการแข่งขันกับทีมแชมป์สมัยล่าสุดมาให้ได้อ่านกัน...
เชลซี คว้าชัยชนะ 18 จาก 44 นัดในการแข่งขันกับทีมจ่าฝูงของพรีเมียร์ ลีก ถือเป็นตัวเลขที่มากกว่าสโมสรอื่น ๆ ในรายการนี้ - ความกระหายในการคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำหรับสิงห์บลูส์ ซึ่งต้องบุกไปเยือนลิเวอร์พูลที่กำลังรอชูถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดที่ห่างหายจากพวกเขาไปนาน
กับการตั้งแถวปรบมือก่อนเกม และการชูถ้วยแชมป์ฉลองหลังจบเกมของ เดอะ ค็อป เยอร์เก้น คล็อปป์ ยอมรับว่าการแข่งขันค่ำคืนนี้มีเรื่องที่ทำให้ทีมของเขาไขว้เขวอยู่ไม่น้อย
'เรียนตามตรงนี่ไม่ใช่เกมที่ง่ายที่สุดที่ผมต้องเตรียมทีมเลย' เขากล่าว 'เพราะว่าในค่ำคืนนี้จะมีสองเรื่องด้วยกัน ปกติแล้วผมไม่จำเป็นต้องคิดถึงอะไรอย่างอื่น'
การเยือนรอบนี้จะเป็นครั้งที่ 89 ที่เราบุกมาเล่นที่แอนฟิลด์ในทุกรายการ เทียบเท่ากับการเล่นที่กูดิสัน พาร์ค สำหรับสนามทีมเยือนที่ลงแข่งขันบ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
สิงห์บลูส์ จะต้องลืมความสำเร็จจากการคว้าตั๋วเข้าชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพครั้งที่ 14 เมื่อวันอาทิตย์ไปชั่วขณะ และแสดงความมุ่งมั่นที่จะออกจากแอนฟิลด์โดยมี 3 แต้มติดมือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ซีซั่น 2014/15 ที่เราคว้าแชมป์ลีก การบุกมาเยือนในลีกและบอลถ้วย 4 จาก 6 นัดที่ผ่านมาจบลงด้วยสกอร์ 1-1 เชลซีเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในการพบกันครั้งล่าสุดที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ด้วยสกอร์ 2-0 ในรายการเอฟเอ คัพ
เชลซี ปราชัยเพียงหนึ่งนัดจากการบุกเยือนลิเวอร์พูล 9 นัดหลังสุดในทุกรายการ
— สถิติสำคัญ
2 เกมใน 5 วันเพื่อตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก
บุกเยือนลิเวอร์พูลจากนั้นกลับมาเฝ้าบ้านพบกับวูล์ฟส์ในวันอาทิตย์ สิงห์บลูส์ จับจองตำแหน่งท็อปโฟร์มาตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยเรามีโอกาสจบตำแหน่งสูงสุดในอันดับ 3 และต่ำสุดในอันดับ 5 ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันที่จะออกมา เราต้องการชัยชนะอีกเพียงนัดเดียวเพื่อคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2020/21
หลังประสบความสำเร็จในการใช้แผน 3-4-3 รับมือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แฟรงค์ แลมพาร์ด อาจปรับมาใช้แท็คติกส์ 4-3-3 ในค่ำคืนนี้ ซึ่งถือเป็นระบบที่ต่อกรกับลูกทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ ในการพบกันครั้งก่อน ๆ ได้เป็นอย่างดี การพบกันในนัดที่ผ่าน ๆ มา 'หงส์แดง' ครองบอลได้เหนือกว่า แต่หนล่าสุดเชลซียิงเข้ากรอบ 7 ครั้ง ส่วนคู่แข่งทำได้ 5 ครั้ง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเฮดโค้ชของเราสามารถพอใจกับบุคลิก, ความมุ่งมั่นและวินัยของทีมได้ ในการแข่งขันกับนอริชและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิงห์บลูส์ เปิดโอกาสให้คู่แข่งยิงตรงกรอบเพียง 3 ครั้ง
หงส์แดงผ่อนเครื่องหรือเปล่า?
เยอร์เก้น คล็อปป์ เคยพูดไว้ว่า 'อัตลักษณ์ของลิเวอร์พูลคือความดุดัน' สิ่งดังกล่าวดูจะลดลงไปจากสถิตินับตั้งแต่ที่พวกเขาคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการ
ทีมดังจากเมอร์ซี่ย์ไซด์เก็บได้ 79 คะแนนจากการแข่งขัน 27 นัดแรก แต่พวกเขาทำแต้มหล่นไป 8 คะแนนใน 5 เกมนับตั้งแต่การันตีแชมป์พรีเมียร์ ลีก โดย 40 นัดก่อนหน้านั้น พวกเขาทำคะแนนหล่นไปเพียง 7 แต้มเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ลิเวอร์พูล เอาชนะคู่แข่งได้ 5 จาก 13 นัดรวมทุกรายการทั้งก่อนและหลังล็อคดาวน์ 1 ในการปราชัย 6 นัดเป็นการพ่ายให้กับเชลซีเมื่อเดือนมีนาคม
การขาดหายไปของจอร์แดน เฮนเดอร์สันจะสร้างปัญหาให้กับหงส์แดง ตัวเลขการเข้าสกัด, การผ่านบอลและการมีส่วนร่วมกับประตูถือว่าไม่โดดเด่นนักกับบทบาทแม่ทัพในแดนกลาง แต่เขาเป็นคนที่คอยเซ็ตจังหวะการเล่น และมอบพลังงานให้กับนักเตะรอบข้าง
ลิเวอร์พูลเสียไป 19 ประตูในเกมลีก 20 นัดซึ่งกัปตันทีมของพวกเขาลงสนาม แต่โดนยิง 10 ลูกใน 6 นัดที่เฮนเดอร์สันไม่ได้มีส่วนร่วม - ค่าเฉลี่ยที่สูงขึ้น 76% จาก 0.95 เป็น 1.67 ประตูต่อเกม การขาดหายไปของกองกลางตัวสำคัญอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาจ่ายบอลพลาดบ่อยขึ้นโดยเฉพาะในแดนหลัง เชลซียิงประตูใส่ลิเวอร์พูลได้ 20 จาก 21 นัดที่พบกันครั้งหลังสุด และเราเป็นทีมที่เจาะตาข่ายยามลงเล่นนอกบ้านได้เป็นอันดับ 2 ในฤดูกาลนี้
สถิติสิงห์บลูส์ยังคงอยู่
สถิติของเชลซีที่สร้างไว้ในพรีเมียร์ ลีกกับการคว้าชัยชนะในบ้าน 18 นัดในหนึ่งฤดูกาลเมื่อซีซั่น 2005/06 และจากนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด (2010/11) และแมนฯ ซิตี้ (2011/12 และ 2018/19) ทำตามได้ จะยังคงอยู่ไปอีกอย่างน้อยหนึ่งฤดูกาล หลังจากที่ลิเวอร์พูลเสมอกับเบิร์นลี่ย์ที่แอนฟิลด์เมื่อ 11 วันก่อน
เกมหลังจากนั้น หงส์แดง บุกไปพ่ายให้กับอาร์เซนอล ถือเป็นการปราชัยนัดที่ 3 ของฤดูกาล ยุติความหวังในการทำคะแนนสะสมเกินหรือเทียบเท่า 100 แต้มที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้สร้างเอาไว้
แมนฯ ซิตี้ | 100 | 2017/18 |
แมนฯ ซิตี้ | 98 | 2018/19 |
เชลซี | 95 | 2004/05 |
เชลซี | 93 | 2016/17 |
ลิเวอร์พูล | 93 | 2019/20 ฤดูกาลปัจจุบัน |
เชลซี | 91 | 2005/06 |
แมนฯ ยูไนเต็ด | 91 | 1999/00 |
(นับเฉพาะฤดูกาลที่แข่งขันกัน 38 นัด)
ลิเวอร์พูลยังไม่แพ้ให้กับคู่แข่งในบ้านของตัวเอง แต่ยังห่างไกลกับการทาบสถิติไร้พ่ายในบ้าน 86 นัดของเชลซีซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในพรีเมียร์ ลีก ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2004 จนถึงตุลาคม 2008 เดอะ บลูส์ สามารถทำลายภารกิจดังกล่าวของหงส์แดงได้ในค่ำคืนนี้ เช่นเดียวกับป้องกันไม่ให้เจ้าบ้านสร้างสถิติใหม่ของพวกเขาในการเก็บชัยบนลีกสูงสุด 31 นัด ในฤดูกาลที่แข่งขันทั้งหมด 38 เกม
ตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะที่เชลซีผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ผลการแข่งขันพรีเมียร์ ลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยท็อตแน่ม เปิดบ้านอัดเลสเตอร์ ทีมอันดับ 4 ได้แบบขาดลอย
จากสิ่งดังกล่าว คะแนนสูงสุดที่ 'จิ้งจอกสีน้ำเงิน' ทำได้จะอยู่ที่ 65 แต้ม 3 คะแนนของสิงห์บลูส์ที่แอนฟิลด์ หรือที่บ้านในเกมกับวูล์ฟส์ในวันสุดท้าย จะทำให้พวกเราผ่านไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้าได้ทันที
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับมือเวสต์ แฮมในค่ำคืนนี้ ก่อนบุกไปเยือนลูกทีมของเบรนแดน รอดเจอร์สในวันอาทิตย์ หาก 'ขุนค้อน' คว้าชัยชนะ เชลซี จะต้องการอีกเพียงหนึ่งคะแนนในการจบอันดับท็อปโฟร์
วูล์ฟส์ เอาชนะคริสตัล พาเลซเมื่อคืนวันจันทร์ แต่พวกเขาจะบุกมาเยือนเดอะ บริดจ์ในวันสุดท้ายโดยลุ้นแค่ตำแหน่งในรายการยูโรป้า ลีก การปราชัยของอาร์เซนอลต่อแอสตัน วิลล่าเมื่อคืนวันอังคารหมายความว่า ท็อตแน่ม เป็นเพียงทีมเดียวที่สามารถแซงหน้า 'หมาป่า' ได้
ลงเล่น | คะแนน | ประตูได้เสีย | คะแนนสูงสุด | ||
---|---|---|---|---|---|
3 | เชลซี | 36 | 63 | 15 | 69 |
4 | เลสเตอร์ | 37 | 62 | 28 | 65 |
5 | แมนฯ ยูไนเต็ด | 36 | 62 | 28 | 68 |
6 | วูล์ฟส์ | 37 | 59 | 13 | 62 |
7 | ท็อตแน่ม | 37 | 58 | 14 | 61 |
เมสัน เมาท์ กับฤดูกาลแรกแสนวิเศษ
เชลซี เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 โดยครึ่งหนึ่งของนักเตะเอาท์ฟิลด์เป็นผลผลิตจากทีมอคาเดมี่ เมสัน เมาท์ ซึ่งทำผลงานโดดเด่นและยิงประตูแรกของตัวเองตั้งแต่เดือนมีนาคม ลงรับใช้สิงห์บลูส์ไปแล้ว 49 นัดจากการแข่งขันทุกรายการ
หากเขาได้ลงสนามในคืนนี้ กองกลางวัย 21 ปี จะเป็นนักเตะจากทีมอคาเดมี่คนแรกที่ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ 50 นัดในฤดูกาลประเดิมสนาม - ทิ้งห่างคนอื่นไกลด้วย
เมสัน เมาท์ | 49 | 2019/20 |
เจสัน คันดี้ | 38 | 1990/91 |
จิมมี่ กรีฟส์ | 37 | 1957/58 |
แกร์รี่ สแตนลี่ย์ | 32 | 1975/76 |
เดวิด ลี | 25 | 1988/89 |
บ็อบบี้ สมิธ | 21 | 1950/51 |
โทนี่ นิโคลัส | 21 | 1956/57 |
เลส อัลเลน | 20 | 1956/57 |
มิคกี้ บล็อค | 20 | 1957/58 |
เบิร์ต เมอร์เรย์ | 19 | 1961/62 |
รอน ทินดัลล์ | 18 | 1955/56 |
โคลิน เพตส์ | 17 | 1979/89 |
จอช แม็คเอ็คแคร่น | 17 | 2010/11 |