ปัญหาของเชลซีในการแข่งขันเอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศกับอาร์เซนอลยังดำเนินต่อไป โดยแม้จะได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วจากคริสเตียน พูลิซิช แต่ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ยิงสองลูกให้ฝั่งปืนใหญ่ พลิกกลับมาเอาชนะ ทำให้สิงห์บลูส์จบฤดูกาลแข่งขันในประเทศไปแบบผิดหวัง
แม้จะมีสถิติอันยอดเยี่ยมในรายการนี้ตั้งแต่เริ่มต้นศตวรรษใหม่ (นี่คือนัดชิงชนะเลิศครั้งที่ 9 ของเราตั้งแต่ปี 2000 และเราผ่านการคว้าแชมป์มาแล้ว 6 ครั้ง) แต่ทีมหนึ่งที่เอาชนะเชลซีได้ในแมตช์ชิงดำคือคู่อริจากลอนดอนเหนือ แฟรงค์ แลมพาร์ด ลงเล่นเกมรอบชิงชนะเลิศนัดแรกของเขากับไอ้ปืนใหญ่ในปี 2002 ซึ่งถือเป็นการปราชัยครั้งเดียวของเขาในนัดตัดสินของเอฟเอ คัพ แต่ความทรงจำดังกล่าวกลับมาอีกครั้งกับการเป็นผู้จัดการทีม
ประตูที่ 11 ในฤดูกาลแรกที่ประเทศอังกฤษของพูลิซิช ได้มอบการเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบให้กับทีมของซูเปอร์แฟรงค์ แต่เราไม่สามารถรักษาความได้เปรียบดังกล่าวเอาไว้ได้
อาร์เซนอล ซึ่งโดนยกเลิกประตูจากการล้ำหน้า ตามตีเสมอได้ก่อนการแข่งขันผ่านไปครึ่งชั่วโมง โอบาเมยอง ที่โดน เซซาร์ อัซปิลิเกวต้า ทำฟาวล์ลุกมาสังหารจุดโทษ โดยเกมครึ่งแรกฝั่งกันเนอร์สกดดันได้เป็นส่วนใหญ่
สิงห์บลูส์ ต้องเจอกับความเสียหายเมื่อ พูลิซิช มีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ต้นครึ่งหลังและตั้งแต่จุดนั้นทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามแนวทางของเรา โอบาเมยอง โชว์ผลงานระดับแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ด้วยการบวกอีกหนึ่งลูกจากการสวนกลับ และจากนั้นมาเตโอ โควาซิช โดนไล่ออกจากสนาม นัดนี้ อัซปิลิเกวต้า, พูลิซิช และเปโดร ต่างได้รับอาการบาดเจ็บ
นาทีต่อนาที - ครึ่งแรก
นาทีที่ 5 - เชลซี ได้ประตูขึ้นนำก่อนเลย เริ่มจาก พูลิซิช ที่ได้พลิกบอลกลางสนามก่อนไหลให้ เมาท์ กระชากเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายจ่ายย้อนหลัง ชิรูด์ ที่ยิงไม่ได้แต่ดีดกลับมาให้ พูลิซิช ได้ซัดผ่าน มาร์ติเนซ ไม่เหลือ
นาทีที่ 10 - ฝ่ายเราได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อ พูลิซิช พาบอลหนีแนวรับของคู่แข่งแล้วอัดด้วยขวา แต่ มาร์ติเนซ ปัดบอลทิ้งไปได้
นาทีที่ 16 - อาร์เซนอล มาได้ฟรีคิกจากระยะประมาณ 25 หลา เซบาญอส วิ่งเข้ามาปั่นด้วยขวาบอลโค้งข้ามกำแพงแต่ข้ามคานออกไป
นาทีที่ 25 - ทีมจากลอนดอนเหนือส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้สำเร็จจาก เปเป้ ที่ยิงเข้าไปอย่างสวย แต่ทาง เมตแลนด์-ไนลส์ โดนจับล้ำหน้าในจังหวะก่อนหน้านั้น สิงห์บลูส์ รอดเสียประตูหวุดหวิด
นาทีที่ 26 - ฝ่ายเรามาเสียจุดโทษในจังหวะที่ อัซปิลิเกวต้า ไปเหนี่ยว โอบาเมยอง ล้มลง โดยกัปตันเชลซีได้รับใบเหลือง ก่อนที่หัวหอกอาร์เซนอลจะลุกมาสังหารเข้าประตูไป สกอร์กลับมาเป็น 1-1
นาทีที่ 35 - แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องปรับหมากตั้งแต่ครึ่งแรกเมื่อ อัซปิ มีอาการบาดเจ็บบริเวณแฮมสตริงจนเล่นต่อไม่ไหวโดยเป็น อันเดรียส คริสเตนเซ่น ได้ลงมาทำหน้าที่แทน
นาทีที่ 45 - ก่อนจบครึ่งแรก "ปืนใหญ่" มาได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะฟรีคิกบริเวณเส้นเขตโทษ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ วิ่งเข้ามากดด้วยขวาส่งบอลหนีกำแพงแต่ไม่เข้าเป้า
นาทีต่อนาที - ครึ่งหลัง
นาทีที่ 46 - กลับมาลงเล่นครึ่งหลังได้ครู่เดียว เดอะ บลูส์ ต้องเสียหายจากจังหวะที่ พูลิซิช พาบอลไปยิงด้วยขวาแล้วมีอาการบาดเจ็บทำให้ แลมพาร์ด ต้องส่ง เปโดร ลงมาเล่นแทน
นาทีที่ 67 - อาร์เซนอล มาได้ประตูขึ้นนำในจังหวะการเคาเตอร์แอทแทค เริ่มโดย เบเยริน กระชากบอลมากลางสนามเปิดไปถึง ลากาแซตต์ ที่จ่ายออกซ้ายให้ โอบาเมยอง ล็อคหลบ ซูม่า ก่อนบรรจงชิพด้วยซ้ายผ่านมือ กาบาเยโร่ เข้าไป
นาทีที่ 73 - สถานการณ์ของพวกเราย่ำแย่เข้าไปอีก โดย โควาซิช มาโดนใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงจากจังหวะที่เข้าปะทะกับ กรานิต ชาก้า
นาทีที่ 78 - แลมพาร์ด ส่ง บาร์คลี่ย์, ฮัดสัน-โอดอย และอับราฮัม ลงเล่นแทน รูดิเกอร์, เมาท์ และชิรูด์
นาทีที่ 90+7 - เปโดร มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ด้านขวาจนต้องรับการปฐมพยาบาลอยู่นาน เราหวังว่าเขาจะไม่เป็นอะไรมากนัก
การจัดทัพ
จากผลงานที่น่าประทับใจซึ่งทีมเอาชนะวูล์ฟส์ในวันอาทิตย์ที่แล้วและจบท็อปโฟร์ของพรีเมียร์ ลีกได้สำเร็จ ถือว่าไม่น่าประหลาดใจนักที่ แลมพาร์ด ส่งทีมชุดเดิมลงสนามในวันนี้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มีชื่อบนม้านั่งสำรอง แต่ วิลเลี่ยน ไม่มีส่วนร่วมในขุมกำลังเพราะยังมีอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า
เกมนัดถัดไป?
ฤดูกาลแข่งขันในประเทศของพวกเราสิ้นสุดลงแล้ว แต่ในสัปดาห์หน้าเราจะต้องบุกไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สองกับบาเยิร์น มิวนิค สิงห์บลูส์ ต้องออกแรงหนักหากหวังผ่านเข้ารอบหลังจากเป็นฝ่ายปราชัยในแมตช์แรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ด้วยสกอร์ 3-0
เชลซี (3-4-3): กาบาเยโร่; อัซปิลิเกวต้า (c) (คริสเตนเซ่น 35), ซูม่า, รูดิเกอร์ (ฮัดสัน-โอดอย 78); เจมส์, จอร์จินโญ่, โควาซิช, อลอนโซ่; เมาท์ (บาร์คลี่ย์ 78), ชิรูด์ (อับราฮัม 78), พูลิซิช (เปโดร 49)
สำรองไม่ได้ลงสนาม เกปา, โทโมรี, เอแมร์ซอน, ก็องเต้
ผู้ทำประตู พูลิซิช 6
โดนไล่ออก โควาซิช 73
ใบเหลือง โควาซิช 14, อัซปิลิเกวต้า 26, เมาท์ 45+4, รูดิเกอร์ 75, บาร์คลี่ย์ 89
อาร์เซนอล (3-4-2-1): มาร์ติเนซ; โฮลดิ้ง, ดาวิด ลุยซ์ (โซคราติส 88), เทียร์นี่ย์ (โคลาซินัค 90+12; เบเยริน, เซบาญอส, ชาก้า, เมตแลนด์-ไนลส์; เปเป้, โอบาเมยอง (c); ลากาแซตต์ (เอ็นเคเทียห์ 81).
สำรองไม่ได้ลงสนาม เมซี่ย์, วิลล็อค, สมิธ, ตอร์เรร่า, เนลสัน, ซาก้า
ผู้ทำประตู โอบาเมยอง 28 (จุดโทษ), 68
ใบเหลือง เซบาญอส 73
ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์