สำหรับเอ็ดดี้ นิดสวิคกี้ ที่เข้าร่วมทีมในปี 1983 ทำงานร่วมกับอดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษในฐานะโค้ชผู้รักษาประตู โบเน็ตติคือที่ปรึกษา และแรงบันดาลใจสำหรับเขา

จริงๆ แล้ว โอกาสในการได้ทำงานร่วมกับชายผู้ได้รับฉายาว่า “เดอะแคท” คือสิ่งที่ดึงดูดให้นีดสวิคกี้ย้ายจากเร็กซ์แฮมมาเข้าร่วมทีมเชลซี

“หนึ่งในสิ่งที่มีผลต่อการย้ายมาร่วมทีมเชลซีของผมในปี 1983 คือการที่เชลซีมีปีเตอร์เป็นโค้ชผู้รักษาประตู” นีดสวิคกี้กล่าวกับทีมเว็บไซต์ของเชลซี หลังมีข่าวการเสียชีวิตของโบเน็ตติเมื่อวันอีสเตอร์ซันเดย์ที่ผ่านมา

ในตอนนั้น โบเน็ตติคือหนึ่งในโค้ชผู้เชี่ยวชาญทางด้านการป้องกันประตู ซึ่งความสามารถของเขานั้นมีบทบาทสำคัญสำหรับนีดสวิคกี้มาก ซึ่งตัวเขาเองก็ตามรอยมาเป็นโค้ชผู้รักษาประตู และโค้ชนักเตะเช่นกัน

“เขาเป็นชายที่น่ารักมาก ช่วยเหลือผมเยอะมากเลยในตอนที่ผมพยายามปรับตัวเข้ากับผู้รักษาประตูคนอื่นๆ อย่างสตีฟ ฟรานซิส และกรันท์ ลุนน์” เขากล่าวต่อ “ตั้งแต่ที่เริ่มต้น เขาช่วยผมเยอะเลย เขามีความตั้งใจที่จะออกไปฝึกซ้อมกับนักเตะตลอด ส่งผ่านความรู้และประสบการณ์ของเขาให้กับทุกคนอย่างเต็มที่เลย”

“เขามักจะจับจุดเล็กๆ น้อยๆ ออกมา มันดีสำหรับผมมากเลยนะ เขาสามารถประเมินสถานการณ์ได้เร็วและปรับตัวเก่งมาก ผมชอบช่วงเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันในสนามซ้อมมากเลยนะ พยายามปรับปรุงความสามารถในด้านที่ผมอาจจะขาดไปให้ดียิ่งขึ้นไปอีก”

“ผมอยากให้ตัวเองได้มีโอกาสทำงานร่วมกับเขานานกว่านี้ เพราะผมชอบไปซ้อมกับเขามาก ผมจะเก็บช่วงเวลาที่ผมใช้ร่วมกับเขาไปตลอดชีวิตเลย”

หลังจากที่ได้ข่าวการเสียชีวิตของโบเน็ตติเมื่อวานนี้ นีดสวิคกี้ได้เคลียร์โรงจอดรถของตัวเองแล้วพบถุงมือสีเขียวที่สร้างชื่อให้กับตัวเขาตลอดช่วงเวลาที่ค้าแข้ง

“ผมจำเขาได้เพราะถึงมือสีเขียวที่เขาใส่ มันไม่เหมือนใครเลยนะ ผมเอามันออกมาเมื่อวานนี้ มันยังอยู่ในถุงพร้อมภาพของปีเตอร์และฟิล ปาร์คที่ด้านหลังด้วย” นีดสวิคกี้เผย

“เมื่อผมโตขึ้น ทุกคนที่เล่นเป็นผู้รักษาประตูต่างก็อยากจะได้ถุงมือสีเขียวเหมือนอย่างปีเตอร์ โบเน็ตติ เหลือเชื่อมากเลยนะที่ผมยังมีถุงมือนั้นอยู่ และมันยังอยู่ในห่ออย่างดีเลย มันทำให้ผมมีความทรงจำที่ดีกลับมาอีกครั้ง”

นีดสวิคกี้ยังได้ย้อนวันวานไปยังเกมเยือนไฮบิวรี่ ซึ่งเป็นเกมเปิดฤดูกาล 1984/85 เป็นเกมแรกหลังจากที่กลับไปเล่นในดิวิชั่นแรกหลังไม่ได้เล่นมาห้าปี ซึ่งสรุปชีวิตการเป็นผู้รักษาประตูได้ชัดเจนเลยว่าไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นตำนานหรือประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แต่ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวจะตราตรึงไปตลอดกาล

“ช่วงก่อนเริ่มเตะ” เขาย้อนความ “ปีเตอร์และผมกำลังวิ่งลงสนามไฮบิวรี่เพื่อไปวอร์มอัพ เขาบอกกับผมว่า ‘ดูนะ ผมจะวางเสาไว้ตรงนี้’ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม แต่เขาบอกว่า ‘ฟังเฉยๆ ก็พอ’ แล้วเราก็วิ่งออกไป แน่นอนว่าแฟนบอลเชลซีร้องเรียกชื่อของเขา แต่แฟนบอลอาร์เซนอลเอาแต่โห่ร้องถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก

“แม้แต่ในคลิปเมื่อวานนี้ยังมีคนพูดถึงความผิดพลาดของเขาในทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลกรอบก่อนรองชนะเลิศ เขาโดนตำหนิหนักมาก แต่เมื่อมองย้อนกลับไปยังผลงานทั้งหมดของเขา ผมเสียใจมากเลยที่ผู้คนเอาแต่ขุดเรื่องนั้นมา เพราะเขาเป็นผู้ที่รับใช้ทีมอย่างดี เป็นผู้รักษาประตูที่เก่งและชอบที่จะช่วยเหลือทุกคนเลย”

“เขารู้ว่ามันจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่คุณต้องรับมันให้ได้ เขาพยายามหัวเราะกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ลึกๆ”

โบเน็ตติยังคงสานต่อความหลงใหลในตำแหน่งการเป็นผู้รักษาประตูด้วยการผันตัวไปเป็นโค้ช ปั้นผู้รักษาประตูมาแล้วมากมาย ไม่ใช่แค่กับเชลซี แต่กับทั้งนิวคาสเซิล, ฟูแล่ม, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมชาติอังกฤษด้วย

ความว่องไวและยืดหยุ่นของเดอะแคทสร้างชื่อให้กับเจ้าตัว แต่ยังมีความใจดี ความเอาใจใส่ และความอ่อนน้อม ที่เอาชนะใจผู้คนที่โชคดีมากพอที่จะได้อยู่ร่วมงานกับเขา

“เขามีแรงผลักดันทีดีกับผมมากเลย” นีดสวิคกี้กล่าว “ผมมองย้อนกลับไปยังวันที่เราผูกพันกัน ทำงานร่วมกันมา แน่นอนว่าเขาเป็นส่วนสำคัญในการค้าแข้งของผมตลอดมาเลย”

“เขาเป็นคนที่สุดยอดมากนะ แต่ก็อ่อนน้อมสุดๆ เช่นกัน เขามีเวลาให้กับทุกคนเสมอ ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือทุกอย่าง เขาคือคนที่รับใช้สโมสรฟุตบอลเชลซีเต็มที่จริงๆ”

“ผมโชคดีมากเลยที่ได้ทำงานร่วมกับเขา ผมเคยทำงานร่วมกับโค้ชที่ดีหลายคนที่เร็กซ์แฮมตอนที่โตขึ้นมา แต่ผมต้องบอกเลยว่าปีเตอร์ โบเน็ตติเป็นคนที่มีผลกับชีวิตผมมาก ผมอยากจะทำงานร่วมกับเขาให้นานกว่านี้จริงๆ”

แอปฯ The 5th Stand พร้อมให้คุณใช้งานแล้วในรูปแบบภาษาไทย เข้าชมคอนเท้นต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับแฟนชาวไทยโดยเฉพาะ ทั้งข่าวด่วน, ไฮไลต์การแข่งขัน และอื่นๆ อีกมากมาย คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดได้เลย