รอสส์ บาร์คลี่ย์มุ่งมั่นที่จะสานฟอร์มที่ดีจากช่วงก่อนล็อคดาวน์ให้ได้อย่างต่อเนื่อง

ในคืนวันอาทิตย์นี้เชลซีจะบุกเยือนแอสตัน วิลล่า เป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกหลังจากที่หยุดพักการแข่งขันไป 105 วัน นับตั้งแต่ที่ชนะเอฟเวอร์ตันมา 4-0

บาร์คลี่ย์กำลังมีฟอร์มการเล่นที่เรียกได้ว่าดีที่สุดตั้งแต่ที่เข้าร่วมทีมเชลซีมาเลยด้วย ลงเล่น 90 นาทีติดต่อกันได้เป็นครั้งที่สอง และยังยิงประตูจากการลุยเดี่ยวในนัดที่พบกับลิเวอร์พูลในเอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศได้อีกด้วย

ในบริบทของกีฬา ช่วงล็อคดาวน์มันมาในจังหวะเวลาที่ไม่ดีนักสำหรับแข้งวัย 26 ปี แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะมานั่งบ่นเสียดายอะไร และยังคงมุ่งมั่นกับเป้าหมายที่เขาเชื่อมั่นอยู่เสมอ

“ผมเซ็งมากเลยนะ เพราะผมกำลังฟอร์มดีเลยล่ะ” บาร์คลี่ย์เอ่ย

“ฟอร์มผมกำลังเข้าฝักเลย ทีมเราก็กำลังไปได้สวยด้วย เพราะเรากำลังเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้อยู่เลย”

“ตั้งแต่ที่เรากลับมาซ้อมกันอีกครั้ง มันเหมือนว่าเรากลับมาอยู่ในจุดที่เราอยู่กันแล้ว เราทุกคนต่างก็ตั้งตารอคอยเกมในวันอาทิตย์นี้อยู่ และหวังกันอย่างยิ่งเลยว่าเราจะสานต่อฟอร์มการเล่นที่ดีของเราได้”

คัลลัม ฮัดสัน-โอดอยมีผลตรวจ Covid-19 ออกมาเป็นบวก

เขาดีใจมากที่ได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว ขณะเดียวกันก็ยังรักษาความฟิตและแอคทีฟกับการออกกำลังกายรายวันอยู่ตลอด ตามคำแนะนำของรัฐบาลอังกฤษเมื่อเขากลับมาฝึกซ้อมที่ค็อบแฮมอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม กองกลางรายนี้รู้สึกสดใสและพร้อมที่จะลุยต่อแล้ว

“มันแปลกนะ แต่ตั้งแต่ที่ย้ายมาเชลซีผมก็ไม่ค่อยได้ใช้เวลากับที่บ้านมากนัก ดังนั้นการได้กลับไปอยู่กับครอบครัวก็ถือว่าดีเหมือนกัน” บาร์คลี่ย์กล่าว

“ที่ลอนดอนผมอยู่คนเดียวมาตลอดและผมไม่ค่อยได้เล่นฟิตเนสมากนัก ดังนั้นผมคิดว่าการกลับไปอยู่บ้านและทำให้ตัวเองฟิตพร้อมที่สุดคือเรื่องที่ไม่เลวเหมือนกัน”

“ผมซ้อมในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสไตล์การเล่นของผม ดังนั้นผมจึงเน้นที่ความแกร่งของร่างกาย ความฟิต การครองบอล เมื่อเรากลับมารวมตัวกัน ผมรู้สึกฟิตมากเลยนะเรากลับมาซ้อมกันแล้วในตอนนี้ ทุกอย่างก็ดูจะปกติดี”

บาร์คลี่ย์คิดถึงการดูบอลผ่านทีวีเหมือนคนอื่นๆ และเขาใช้เวลาไปกับการรีวิวคลิปการเล่นของตัวเองที่ได้มาจากหน่วยวิเคราะห์ของสโมสร

“ถือเป็นช่วงเวลาที่แปลกมากเลยนะ เพราะปกติเราจะมีเกมทางทีวีให้ดูเยอะมาก การไม่ได้ดูกีฬาอะไรเลยมันน่าเบื่อมาก” บาร์คลี่ย์ยอมรับ “ตอนนี้ฟุตบอลกลับมาแล้ว เป็นความรู้สึกที่ดีมากเลย เพราะมันคือสิ่งที่เราชอบทำมากที่สุด”

“ทุกสองวันผมจะมานั่งย้อนดูคลิป หารายละเอียดเล็กๆ ที่พัฒนาได้ ดูว่าผมทำอะไรได้ดี และทีมทำอะไรได้ดีบ้าง แน่นอนว่ามันจะยาก เพราะมันผ่านมานานมากแล้วและคุณไม่ได้อยู่ห่างไกลจากโลกฟุตบอลเลย แม้แต่ในช่วงซัมเมอร์ แต่มันก็ดีนะที่ได้เปลี่ยนมุมมองบ้าง”

การไม่มีแฟนบอลเข้ามาชมในสนามก็เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างที่นักเตะต้องเตรียมตัวรับมือ ซึ่งบาร์คลี่ย์ก็เคยสัมผัสประสบการณ์แบบนี้มาแล้วในเดือนตุลาคม 2018 ตอนที่อังกฤษแข่งเกมเนชั่น ลีก นัดที่เจอกับโครเอเชีย

บาร์คลี่ย์ลงเป็นมิดฟิลด์ในเกมนั้น เจอกับเพื่อนร่วมทีมเชลซีอย่างมาเตโอ โควาซิช โดยเกมจบลงที่เสมอกัน 0-0 และเบอร์ 8 ของเราก็เชื่อว่าทีมจำเป็นต้องปรับตัวให้ได้

“สำหรับผม ผมไม่ชอบเลยนะ” เขาย้อน “แน่นอนว่าผมสนุกกับการแข่ง เพราะมันเป็นเกมทีมชาติอังกฤษ และเป็นเกมใหญ่ด้วย แต่การไม่มีแฟนบอล ไม่มีบรรยากาศ มันแปลกสุดๆ เลยนะ เราแข่งกันก็เพราะแฟนบอล เราต้องการให้พวกเขามาสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเสมอ”

“เราต้องคิดย้อนไปตอนที่ยังเป็นดาวรุ่งแล้วเล่นในทีมสำรอง หรือทีม U23 บางครั้งในรุ่นนั้นคุณต้องแข่งที่สนามซ้อม มีแค่พ่อแม่มาดูเท่านั้น ในตอนนี้ก็คงไม่ต่างกัน เราแค่ต้องโฟกัสกับการทำงานให้ดีที่สุดในทุกๆ เกมที่รออยู่ข้างหน้า”

จากการที่เรามีเกมพรีเมียร์ลีกเหลืออยู่อีก 9 นัด ทำให้ยังคงมีการแข่งขันที่สูงสำหรับทีมลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ในตอนนี้ เชลซีนำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ 3 แต้ม และตามหลังเลสเตอร์ ซิตี้อยู่ 5 แต้ม เชลซีครองตำแหน่งท็อปโฟร์มานานตั้งแต่เดือนตุลาคม”

จากที่มีเกมพบแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 2) เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (6) และวูล์ฟแฮมป์ตัน (7) รออยู่ข้างหน้า บาร์คลี่ย์รู้ดีว่าทีมจำเป็นต้องมีสมาธิและสู้ให้เต็มที่ เริ่มต้นด้วยเกมวันอาทิตย์ที่จะไปเยือนวิลล่า

“สูสีมากเลยนะตอนนี้ เพราะทุกทีมต่างก็อยากครองตำแหน่งท็อปโฟร์” บาร์คลี่ย์กล่าวเสริม “ตอนนี้เราอยู่ในตำแหน่งนั้นแล้ว แต่เรารู้ว่าเรายังต้องเล่นให้เต็มที่ เก็บชัยชนะให้ได้ เพราะยังมีอีกหลายทีมที่พยายามตามเราอยู่

“เมื่อถือเวลาที่เกมกลับมาแข่ง นักเตะทุกคนต้องสู้เต็มที่เพื่อสามแต้ม ถือเป็นความท้าทายที่ยากมากเลยนะ เรามีเกมที่ต้องแข่งอีกเยอะมาก แต่เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร”