แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นที่พูดถึงจากเหล่ากูรูหลายคนว่าเป็นผู้จัดการทีมที่ใช้ทรัพยากรจากอะคาเดมี่เชลซีได้ดี แต่เจ้าตัวไม่อยากรับเครดิตในเรื่องนั้นเพียงคนเดียว

,

แต่แลมพาร์ดแจงว่าดาวรุ่งที่ได้ลงสนามนั้นเป็นผลมาจากสิ่งที่เห็นการทำงานด้วยกันหลายฝ่าย

“มองที่ภาพรวม ผมคิดว่าคงผิดถ้าจะเอาเครดิตในเรื่องนี้ไว้แค่คนเดียว” แลมพ์กล่าว

“การทำงานหลายอย่างสำเร็จได้โดยที่ไม่มีผม เรามีนีล บาธ (หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชน) ทีมงานในอะคาเดมี่ และทีมจัดหานักเตะ รวมไปถึงตัวดาวรุ่งเองด้วย ตอนนี้งานของผมคือทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด ผมเข้ามาอยู่ในสโมสรที่มีดาวรุ่งมากพรสวรรค์หลายคนเลย”

“บางคนยังไม่ได้ขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ฤดูกาลนี้ ดังนั้นผมต้องดูให้ดีและคอยดูการฝึกซ้อม, พฤติกรรมและสิ่งที่พวกเขาต้องการในแต่ละวัน หากพวกเขาไต่ถึงระดับที่ควรได้ พวกเขาก็มีโอกาสที่จะได้เล่น”

เมื่อพูดถึงดาวรุ่งที่ยังไม่ได้ลงสนามกับทีมใหญ่ในฤดูกาลนี้ แลมพ์กล่าวว่า

“เรามีคัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และรีซ เจมส์ที่กำลังเรียกความฟิตกับทีม U23 อยู่ เรามีเกมคาราบาว คัพกลางสัปดาห์หน้าซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นโอกาสสำหรับทั้งคู่ รูเบ็น ลอฟตัส-ชีคกำลังรอวันที่จะหายจากบาดเจ็บอยู่ เรามีนักเตะที่รอวันลงสนามหลายคน นอกเหนือจากนั้นแล้วยังมีบิลลี่ กิลมอร์ และคอนอร์ กาลาเกอร์ และคนอื่นๆ อีกมากมาย ประตูเราเปิดอยู่ตลอดแต่เด็กๆ ต้องก้าวข้ามมันมาให้ได้ด้วยตัวเอง”

แลมพาร์ดมีประสบการณ์ในการอยู่ท่ามกลางทีมที่ผ่านขึ้นมาจากระบบทีมเยาวชนด้วยกัน อย่างริโอ เฟอร์ดินานด์, โจ โคล และเจอร์เมน เดโฟ ตอนที่เล่นให้เวสต์ แฮม ในตอนนั้นขุนค้อนได้ชื่อว่าเป็น “อะคาเดมี่ของฟุตบอล” เลยทีเดียว

“เหตุผลที่เวสต์ แฮมได้รับชื่ออะคาเดมี่คือหลายปีก่อน พวกเขาเป็นทีมที่มีนักเตะที่ลงแข่งฟุตบอลโลก 1966 อยู่เยอะมาก” แลมพาร์ดอธิบาย “ถือเป็นวัฒนธรรมเลยนะที่นักเตะจะต้องผ่านเวสต์ แฮมมาก่อน และผมจำได้ว่าแฮรี่ เรดแน็ปป์ให้ความสนใจมาก”

“เขานำเอานักเตะที่เขาสนใจมาใช้งาน นีล บาธ และอะคาเดมี่ของเชลซีทำงานกันมาหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนสมควรได้รับเครดิตมากกว่าผมในตอนนี้ และหน้าที่ของผมตอนนี้คือพัฒนาลูกทีมให้เก่งยิ่งขึ้น”

กุนซือของเราเชื่อว่าอะคาเดมี่ของเชลซีมีการสื่อสารกับทีมชุดใหญ่ที่ลงตัวมากขึ้น

“สำหรับผมมันต่างไปนะ เพราะผมมีทีมงานสองคนที่มาจากอะคาเดมี่” แลมพ์อธิบาย

“คริส โจนส์อยู่ในทีมชุดใหญ่เป็นหลัก แต่โจ เอ็ดเวิร์ด กับโจดี้ มอร์ริสเคยอยู่ในอะคาเดมี่มาก่อน ผมได้คุยกับทั้งคู่หลายเรื่องเกี่ยวกับการทำงานที่ผ่านมา ผมรู้ว่าการสื่อสารคือปัจจัยสำคัญสุด”

“ผมพยายามทำอย่างที่ต้องการ เหมือนในปีที่แล้ว ผมไม่รู้ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรกันมาก่อ และผมคิดว่าเราต้องระวังไม่ก้าวล่วงไปถึงอดีตผู้จัดการหรือสถานการณ์ต่างๆ เพราะนักเตะต้องแสดงให้เห็นเองว่าสมควรได้อยู่ในทีม”

“ตอนนี้เรามีช่วงเวลาที่ดีเพราะทุกคนแสดงออกมาได้ดี เรากำลังทำงานด้วยกันไปได้ดีมาก”

อ่าน : แฟรงค์ แลมพาร์ดกับเรื่องราวของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ และการถกเถียงกับเพื่อนร่วมทีม