แฟรงค์ แลมพาร์ดได้ฉลองชัยในเกมคืนวันอาทิตย์ครั้งที่สองติดต่อกันแล้ว และเป็นชัยชนะในเกมลอนดอนดาร์บี้ครั้งใหญ่อีกด้วย
ชัยชนะครั้งนี้มาจากการทำประตูช่วงท้ายเกมของจอร์จินโญ่และแทมมี่ อับราฮัม หลังจากที่ทีมเจ้าบ้านยิงประตูได้ก่อน ทำให้บอสของเชลซีแฮปปี้กับคาแร็คเตอร์ที่ลูกทีมแสดงออกมา
แลมพาร์ดเลือกที่จะเปลี่ยนเกมตั้งแต่ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกด้วยการส่งจอร์จินโญ่ลงสนามและเปลี่ยนไปใช้แผนแบ็คโฟร์ แต่เขากล่าวหลังจบเกมว่าตัวเขาไม่คิดว่าการเลือกทีมลงสนามตั้งแต่แรกไม่ได้ผิดอะไรเลย
“เมื่อเราเล่นอย่างที่ทำได้ในเกมพบท็อตแน่มเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมอาจจะมีคำถามกับตัวเองหากใช้แผนแบ็คโฟร์ตั้งแต่แรกแล้วออกมาเป็นแบบเดิมในช่วงครึ่งชั่วโมงแรก” แลมพ์กล่าว “สำหรับผมแล้วเรื่องหลักๆ ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกไม่ใช่เรื่องแท็คติก แต่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณและความใจสู้ อาร์เซนอลเร็วกว่าเราและกล้ากว่าเรา เราเป็นฝ่ายที่ประหม่าอยู่”
“คุณคิดว่าผมตัดสินใจเด็ดขาด แต่ผมเปลี่ยนได้ตั้งแต่ช่วง 10 นาทีแล้ว และไม่ใช่แค่เอเมอร์สันที่ถูกเปลี่ยนออก นักเตะทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ มันยากที่จะส่งข้อความจากข้างสนามไปด้วยเสียงท่ามกลางบรรยากาศแบบนั้น ดังนั้นบางครั้งผมก็ต้องใช้ท่าทางแทน”
“เราเปลี่ยนแผนและมันก็ดีขึ้น มิเกล อาเตต้าไม่ได้บ้า เขาเห็นเราเล่นในเกมเจอท็อตแน่มและหาทางรับมือกับแนวรับของเราได้ เราใช้แนวรับสามคนประกบคนเดียวและอาร์เซนอลมีกองกลางหลายคนที่คอยแย่งบอลตลอด แต่มันเปลี่ยนไปหลังจากที่เราแก้เกม”
แลมพาร์ดรู้ว่าการพลิกเกมแสดงให้เห็นสปิริตของทีม แต่กล่าวย้ำว่า
“ผมไม่อยากจะบอกว่าเรามีสปิริตเต็มร้อย เพราะเรายังทำไม่ดีพอในฤดูกาลนี้ ดังนั้นนี่คือสัญญาณที่ดีสำหรับเรา และข้อความที่ส่งไปถึงนักเตะในตอนนี้คือเราชนะมาได้ และเราได้เห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นในเกมอย่างชัดเจน”
“เราสู้จนจบเกมเลย พยายามดันเกมและคุมเกมได้ตลอดในช่วงครึ่งหลัง แต่ตอนนี้เรามีปัญหาในการทำประตูเกมเหย้า เกมนี้เราใช้จังหวะที่อาร์เซนอลทำพลาดจนได้ประตูแรกมา หลังจากนั้นวิลเลี่ยนและแทมมี่ช่วยให้เราได้ประตูที่สองมาสำเร็จ”
แลมพาร์ดพูดคุยถึงช่วงพักครึ่งในตอนที่ทีมยังตามอยู่ 1-0 และการตอบโต้ของลูกทีม...
“เราไม่อยากมี 11 นักเตะที่ลงสนามไปแล้วเล่นแบบไม่ใส่ใจอะไรเลย ผมย้ำกับลูกทีมว่าเราต้องแสดงให้เห็นว่าเรามาเยือนสนามนี้เพื่ออะไร เราคือเชลซี เราต้องทำเพื่อแฟนบอลที่เดินทางมาร่วมเชียร์ในเกมนี้ หลังจากนั้นลูกทีมก็คุยกันและเริ่มดุดันขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก”
“การตอบสนองในช่วงครึ่งหลังคือสิ่งที่ผมต้องการ เกมที่ผ่านๆ มานั้นแสดงให้เห็นว่าเราขาดอะไรบางอย่างไป ซึ่งผมไม่ชอบเลย”
“นี่ไม่ใช่จุดเปลี่ยนอะไร แต่เราแสดงให้เห็นว่าเรามีการเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกและคว้าชัยได้ในแบบที่แตกต่าง เกมเยือนท็อตแน่มเราชนะเพราะเราเล่นได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ และวันนี้เราชนะเพราะเราแสดงให้เห็นจิตวิญญาณนักสู้ หากเรานำมันมารวมเข้าด้วยกันได้ เราก็จะมีโอกาส”
แลมพาร์ดส่งทาริค แลมพ์ตีย์ลงประเดิมสนามในวัย 19 ปีในช่วงครึ่งหลัง
“ทาริค แลมพ์ตีย์นี่ต้องยกเครดิตให้โจดี้ มอร์ริสและโจ เอ็ดเวิร์ต” แลมพ์กล่าว “เพราะเมื่อเรานั่งคุยและวิเคราะห์กัน เมื่อสองวันก่อนเรารู้ว่าเซซาร์ อัซปิลิเกวต้าบาดเจ็บ และรีซ เจมส์เองก็เจ็บอยู่เช่นกัน ทำให้เราต้องมองหาแบ็คขวาคนใหม่มาแทน”
“ทั้งสองคนบอกว่าเชื่อในตัวแลมพ์ตีย์ และผมก็รับฟังทั้งคู่นะ เรารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะที่จะส่งเขาลงสนาม”
“เขามีฝีเท้าที่ดีและรับมือกับคู่แข่งได้หลายคน เขาอยากจะทำหน้าที่เต็มที่ แต่คำถามของผมที่ถามโจดี้ในตอนที่แลมพ์ตีย์ลงสนามคือเขามีความมั่นใจมากพอที่จะรับมือกับเกมนี้หรือไม่ นี่คือเกมที่ยากและต้องแบกความรับผิดชอบสูง และโจดี้บอกว่าไม่มีปัญหา เมื่อเขาลงไปแล้วจ่ายบอลให้แทมมี่ยิง นี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่กลัวอะไรเลย”