จอร์จินโญ่นับเป็นผู้เล่นรายล่าสุดที่พูดถึงเรื่องราวในอดีตช่วงเริ่มต้นอาชีพ และอุปสรรคที่เขาต้องเผชิญจนกระทั่งกลายมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ จากชีวิตที่พลิกผันในวัยเด็กหลังถูกเอเยนต์เอารัดเอาเปรียบ ก่อนที่จะฝ่าฟันความยากลำบากจนสามารถพิสูจน์ตัวเอง…
ผมเริ่มเล่นฟุตบอลแบบห้าคนในโรงเรียนท้องถิ่น ผมเข้าร่วมทีมชุดอายุไม่เกินหกปี เมื่อผมอายุได้ 4 ขวบ และโค้ชก็พูดกับผมว่า ‘ไม่ ไม่ คุณต้องอายุหกขวบก่อน’ พ่อของผมจึงบอกกับโค้ชว่า เขาจะมีปัญหากับที่บ้าน หากไม่ให้ผมเล่น ดังนั้นโค้ชจึงพูดว่า ‘โอเค คุณสามารถลงเล่นได้’ ผมพอผมได้ลงเล่นครั้งหนึ่ง พ่อของผมพูดกับผมว่า: ‘คุณได้โอกาสครั้งหนึ่งแล้ว คุณต้องกลับบ้าน’ แต่ทันใดนั้นโค้ชของผมพูดว่า ‘ไม่ ไม่ ไม่! คุณจำเป็นต้องเล่นทุกสัปดาห์!’
พวกเราเคยเล่นจากทีมเล็กๆ พวกเรามีการฝึกซ้อมการเลี้ยงบอลล็อกหลบกรวยไปมา และมีการฝึกซ้อมการยิงด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผมจำได้อย่างดีว่า มันสนุกขนาดไหน
จนถึงวันนี้ เมื่อผมมีวันหยุด ผมก็ยังคงไปเจอโค้ชคนนั้นอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้มีโอกาสติดต่อ เพื่อนร่วมทีมในขณะนั้นเลย เพราะว่ามันเป็นสถานที่ที่ต่างออกไปจากที่ผมเกิด
ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่ผมจะไม่นึกถึงเรื่องฟุตบอล มันเป็นบางสิ่งที่ผมทำได้ทำสำเร็จ และเป็นสิ่งที่ผมต้องการทำ เมื่อผมตระหนักถึงตัวเองว่า ผมเป็นนักเตะที่ดีหรือไม่? ผมจะสมมติตัวเองว่า ผมกำลังเริ่มเล่นฟุตบอล ผมกำลังเล่นต่อกรกับเด็กๆ ที่อายุมากกว่าผม และจากนั้นผมจึงคิดว่า การเล่นกับเด็กรุ่นเดียวกันจึงเป็นเรื่องง่าย
หลังจากเล่นฟุตบอลห้าคนที่โรงเรียน ผมได้ย้ายไปที่อื่นที่ได้มีโอกาสเล่นฟุตบอล 11 คน พวกเราได้มีโอกาสลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับภูมิภาค ผมก็ได้ลงเล่นทัวร์นาเมนต์นี้ในบราซิล และเอเยนต์ก็ได้ติดตามดูฟอร์มของผม เขานำตัวผม และนักเตะคนอื่นๆ ย้ายไปโรงเรียนของเขา ซึ่งห่างไกลที่พักของผมระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร ในเวลานั้น
ผมใช้เวลาสองปีอยู่ที่นั่น ความคิดตอนนั้น คือ เขาใช้มันในการค้นหานักเตะ และใครก็ตามที่เขาคิดว่ามีความสามารถ เขาจะพาไปอิตาลี นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำกับผมเมื่ออายุ 15 ปี เขาพาผมไปทดสอบฝีเท้ากับเวโรนาในทีมชุดเยาวชน และพวกเขาก็สนใจในตัวผม
ในตอนแรกที่ผมย้ายมาอยู่ในอิตาลี มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากเพราะว่า ผมเหมือนได้ทำตามความฝัน ทุกสิ่งมันเป็นเรื่องราวใหม่ จากนั้นเป็นก็ใช้ชีวิตประจำวันทั้งเรื่องการฝึกซ้อม ไปโรงเรียน กลับบ้าน ออกจากบ้าน ไปโรงเรียน แล้วก็ฝึกซ้อม นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำในช่วงเวลา 18 เดือน ผมมีเงิน 20 ยูโรต่อสัปดาห์ในการใช้ชีวิต และผมก็ไม่ได้ทำเรื่องอื่นเลย เพราะว่า ผมมีเงินไม่มาก ผมไม่ลงเล่นเลยตลอด 1 ปี เพราะว่า ผมไม่มีใบอนุญาตเข้าเมืองจากบราซิล ทั้งหมดที่ผมได้ฝึกซ้อมไปอย่างจริงจัง และการไปโรงเรียน นั่นมันเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัสมาก
สไตล์การเล่นในอิตาลีมันต่างกันมาก ในบราซิลการเล่นมันขึ้นอยู่กับตำแหน่งการยืนและพื้นที่ในการเล่น ทุกสิ่งมันมีความสุข แต่ทว่าในอิตาลีทุกอย่างมันเป็นเรื่องของแท็กติกและการเข้าบอลที่หนักหน่วง มันจึงเป็นเรื่องที่ยากกว่า
เนื่องจากเวโรนา ไม่ได้เล่นในเซเรียอาในเวลานั้น พวกเขาจึงไม่มีทีมชุดเยาวชน ดังนั้นผมคิดอยู่กับทีมเยาวชนของเบอร์เร็ตติ พวกเขาเล่นอยู่ในเซเรีย ซี1/ซี2 ผมลงเล่นอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองปี ในขณะที่ผมเล่นอยู่กับเบอร์เร็ตติ ผมเจอกับชาวบราซิล ชื่อ ราฟาเอล ที่เป็นผู้รักษาประตู ผมลงเล่นเกมกระชับมิตรกับเขา เขาถามผมว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่ คุณอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้ว และผมบอกว่า ผมอยู่ที่นี่ด้วยเงิน 20 ยูโรต่อสัปดาห์
เขาจึงกล่าวว่า ‘ขอคิดสักครู่นะ ผมว่ามันไม่น่าใช่สิ่งที่ถูกต้อง’ เขาได้สอบถามข้อมูลต่างๆ และดูเหมือนว่าเอเยนต์ของผมรับเงินมา โดยที่ผมไม่รู้เรื่องทั้งหมดเลย
เมื่อได้ฟังแบบนั้น ผมจึงรู้สึกท้อแท้ ผมเสียใจมากๆ ผมรู้สึกเบื่อหน่าย ผมโทรศัพท์หาที่บ้านทั้งน้ำตา และบอกกับแม่ของผมว่า ผมต้องการกลับบ้าน และผมไม่ต้องการเล่นฟุตบอลอีกแล้ว เขาจึงบอกว่า ‘อย่าไปนึกถึงมัน! คุณเกือบจะทำมันสำเร็จแล้ว คุณอยู่ที่นั่นมาสองปี ฉันไม่ต้องการให้คุณกลับบ้าน คุณจำเป็นต้องอยู่ที่นั่น และรับมือกับความยากลำบาก’
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจอยู่ต่อ ผมจึงเริ่มต้นฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ผมยังคงเล่นให้กับทีมเบอร์เร็ตติต่อไป แต่ณ จุดนั้น ผมจึงตัดสินใจขอย้ายแบบยืมตัว ผมจึงได้มีโอกาสไปเล่นในเซเรีย ซี2 กับทีมแซมโบนิเฟซเซ่
ขณะที่ผมกำลังเล่นอยู่แซมโบนิเฟซเซ่ เวโรนาก็เล่นอยู่ในเซเรีย ซี1 และในปีนั้น พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นไปอยู่ในเซเรีย บี เมื่อผมย้ายกลับไปอยู่เวโรนา อันเดร มานดอร์ลินี่ บอกว่า เขาไม่ต้องการผม เพราะว่า ผมเคยลงเล่นใน ซี2 เท่านั้น และตอนนี้พวกเขาอยู่ในเซเรีย บี แต่หนึ่งในผู้อำนวยการของทีมที่ค่อนข้างสนิทกับผมก็ได้มีการถกเถียงกับโค้ชในเวลานั้น
ในช่วงเดือนตุลาคม ผมไม่ได้ลงเล่นแม้แต่เกมเดียว และผมจึงคิดถึงความเป็นไปได้ในการย้ายออกจากทีมในเดือนมกราคม จากนั้นนักเตะคนหนึ่งในทีมชุดใหญ่ที่เล่นในตำแหน่งเดียวกับผมมีอาการบาดเจ็บ และตัวแทนในตำแหน่งเดียวกันก็มีอาการบาดเจ็บเช่นกัน โค้ชจึงไม่มีวิธีอื่นนอกจากเขาต้องส่งผมลงสนาม
เขาจึงส่งผมลงเล่น และผมทำได้ดีทีเดียว ผมอยู่กับทีมต่อไป และจากนั้นเขาจึงสนับสนุนผมอย่างจริงจัง และจากนั้นจึงมีข้อเสนอที่ยอดเยี่ยมมาหาผม