ประตูแรกในพรีเมียร์ ลีกของฮาคิม ซิเยค, ประตูที่ 3 ในฤดูกาลของเคิร์ต ซูม่า และประตูแรกในการเล่นเป็นทีมเยือนในลีกของติโม แวร์เนอร์ ทำให้เชลซีบุกคว้าชัยชนะเหนือเบิร์นลี่ย์ได้สำเร็จ
มีภาพความคล้ายคลึงจากชัยชนะที่ประเทศรัสเซียเมื่อกลางสัปดาห์ในเกมที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ โดยสิงห์บลูส์ มีสกอร์ออกนำในครึ่งแรก จากนั้นพวกเรามายิงเพิ่มได้อีกสองตุงในครึ่งหลัง โดยนัดนี้เรื่องที่ไม่เหมือนการแข่งขันกับคราสโนดาร์คือพวกเราจำกัดโอกาสในการยิงประตูของเจ้าบ้านเอาไว้ที่ครึ่งละ 1 ครั้งเท่านั้น
แนวรับของทีมเริ่มดูดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยถือเป็นการเก็บคลีนชีตนัดที่ 4 ติดต่อกันแล้ว
ก่อนเกิดประตูแรกในนัดนี้ มีภาพเดิม ๆ เหมือนเหตุการณ์ของเซซาร์ อัซปิลิเกวต้าและแฮร์รี่ แม็คไกวร์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลับมาอีกครั้ง โดยเกิดคำถามขึ้นอีกครั้งตอนที่ เบน ชิลเวลล์ ดูเหมือนจะโดนทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษของเบิร์นลี่ย์ช่วงต้นเกม แต่เมื่อเราได้ประตูออกนำในนาทีที่ 27 กับผลงานในสนามและการเคลื่อนบอลไปมาทำให้ 3 แต้มในนัดนี้ไม่เคยตกอยู่ในความสงสัย
ประตูของซูม่า มาจากลูกเตะมุมของเมสัน เมาท์ และการยิงที่คมกริบของแวร์เนอร์เกิดขึ้นจากการผ่านบอลของซิเยค
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ทีมของแฟรงค์ แลมพาร์ด ขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 4
การจัดทัพ
ก่อนการแข่งขัน คริสเตียน พูลิซิช ที่ควรจะได้ลงตัวจริงต้องถอนตัวออกไป
หลังการเดินทางที่ยาวไกลสู่ประเทศรัสเซียในนัดกลางสัปดาห์ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องการปรับทัพ 6 ตำแหน่งแต่ต้องเหลือเพียงแค่ 5 ตำแหน่งเมื่อพูลิซิชมีปัญหากับแฮมสตริงระหว่างการอบอุ่นร่างกาย นั่นหมายความว่า แวร์เนอร์ ถูกโยกจากตัวสำรองเข้าสู่ขุมกำลัง 11 ตัวจริง ซึ่งธิอาโก้ ซิลวา ก็กลับมายืนคุมแนวรับของทีมด้วย แทมมี่ อับราฮัม ได้ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า โดยซิเยคประเดิมตัวจริงนัดแรกในพรีเมียร์ ลีก
นาทีต่อนาที - ครึ่งแรก
นาทีที่ 4 - เจ้าบ้านได้ลุ้นประตูก่อนเลย เป็นจังหวะวางบอลยาวจากแดนหลังข้ามหัวซูม่าหลุดไปถึงบาร์นส์ โดยกองหน้าเบิร์นลี่ย์ได้ดวลเดี่ยวกับเมนดี้แล้วพยายามงัดข้ามหัวแต่ใส่น้ำหนักมากไปเยอะจนไม่ได้ลุ้น
นาทีที่ 15 - เชลซีตอบโต้ขึ้นมาบ้าง คราวนี้บอลขลุกขลิกอยู่ทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนเป็นรีซ เจมส์ ได้หลุดมาครอสหวังให้ ชิลเวลล์ที่กำลังจะเทคตัวขึ้นโหม่ง แต่โดนกองหลังเจ้าถิ่นหนุนเอาไว้ทำให้เสียจังหวะไป
นาทีที่ 16 - ธิอาโก้ ซิลวา ออกบอลมาทางด้านซ้ายให้ก็องเต้ได้จับหนึ่งจังหวะแล้วครอสเข้าเขตโทษไปถึงหัวของแทมมี่ อับราฮัมขึ้นโขก บอลกำลังจะย้อยเข้าประตูแต่ผู้รักษาประตูของเบิร์นลี่ย์ปัดออกหลังไปได้
นาทีที่ 26 – สิงห์บลูส์ขึ้นเกมรุกมาอีกระลอก แล้วเป็นจังหวะทางฝั่งขวาที่ซิเยคจ่ายให้แวร์เนอร์ได้ครอสหักกลับเข้าใน บอลไปถึงแทมมี่ จ่ายสั้น ๆ ต่อให้ซิเยคยิงด้วยซ้ายทันทีบอลพุ่งแรง ผ่านมือนิค โป๊บ สกอร์กลายเป็น 1-0 แล้ว!
นาทีที่ 45 - ก่อนหมดครึ่งแรกทีมเราเกือบได้ประตูหนีห่างเป็นจังหวะที่ฮาแวร์ตซ์ไหลสั้น ๆ ให้เจมส์ ตั้งป้อมครอสจากฝั่งขวาเข้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งน่ากลัวกำลังจะถึงแวร์เนอร์ได้ซัดแต่โดนแนวรับคู่แข่งสะกิดเอาไว้ทำให้เสียจังหวะชนตัวกองหน้าชาวเยอรมันเข้ามือ โป๊บรับไว้ได้
นาทีต่อนาที - ครึ่งหลัง
นาทีที่ 50 - เริ่มครึ่งหลัง เชลซีได้ลุ้นก่อนจากฟรีคิกกลางเขตโทษห่างออกมาประมาณ 35 หลา เมาท์ลองปั่นด้วยขวาแต่ โป๊บ ยังเซฟไว้ได้
นาทีที่ 51 – เชลซีเล่นเกมรุกกันสนุกจริง ๆ คราวนี้ ฮาแวร์ตซ์ จ่ายไปให้ ซิเยค ทางด้านขวา แข้งโมร็อคโกใช้ความสามารถล็อคหนีตัวประกบก่อนจ่ายคืนให้ ฮาแวร์ตซ์ แล้วมิดฟิลด์ชาวเยอรมันเหลือบไปเห็นเมาท์วิ่งเติมขึ้นมาจึงไหลไปให้ได้ยิงด้วยเท้าขวาจากระยะประมาณ 22 หลา แต่ โป๊บ ยังรับเอาไว้ได้อีกครั้ง
นาทีที่ 57 – เบิร์นลี่ย์ ได้ลุ้นประตูตีเสมอในจังหวะที่ ฮาแวร์ตซ์ ออกบอลไม่ดีแล้วโดนเจ้าบ้านดักไว้ได้ ก่อนจังหวะสุดท้าย แอชลี่ย์ บาร์นส์ ลองกดด้วยเท้าซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษบอลแหวกอากาศน่ากลัวแต่หลลุดเสาออกไป
นาทีที่ 63 - เชลซีได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวาเป็นเมสัน เมาท์ เปิดเข้าจุดนัดพบแล้วเคิร์ต ซูม่า วิ่งมาโขกเต็มศีรษะส่งบอลสู่ก้นตาข่ายอย่างเด็ดขาด เดอะ บลูส์ นำห่าง 2-0!
นาทีที่ 68 - ยังคงเป็นฝ่ายเราที่ได้ลุ้นประตู โดยเริ่มจากบอลทะลุช่องของเมาท์ที่บรรจงผ่านไปให้รีซ เจมส์ ทางฝั่งขวาก่อนแบ็คชาวอังกฤษครอสแบบไม่จับหวังให้แทมมี่ อับราฮัม แต่ลึกไปนิดเดียว
นาทีที่ 70 - เจมส์ วิ่งหน้าตั้งเติมเกมขึ้นมาทางด้านขวาแล้วจ่ายสั้น ๆ ให้ซิเยคที่มองเห็นแวร์เนอร์กำลังวิ่งหลุดมาทางด้านซ้ายจึงผ่านต่อไปให้กองหน้าชาวเยอรมันได้แต่งหนึ่งจังหวะ แล้วยิงหนีมือนิค โป๊บ เสียบเสาสองตุงตาข่าย 3-0!
นาทีที่ 80 - ชิรูด์ ที่เพิ่งลงมาเป็นตัวสำรองส่งบอลสู่ก้นตาข่ายได้สำเร็จจากลูกครอสทางด้านซ้ายของ ชิลเวลล์ แต่ผู้ตัดสินเช็ก VAR ปรากฎว่ากองหน้าชาวฝรั่งเศสล้ำหน้าก่อนยิงเข้าเสาแรก
นาทีที่ 87 – เป็นจังหวะต่อเนื่องที่ ก็องเต้ ได้ยิงด้วยขวานอกกรอบเขตโทษแล้วติดบล็อคกองหลังเจ้าบ้านออกเป็นลูกเตะมุม เมสัน เมาท์ เปิดเข้ามาด้านในถึงธิอาโก้ ซิลวาได้กระโดดโหม่งแต่เข้าซองนิค โป๊บ เซฟเอาไว้ได้
ความสำเร็จที่เทิร์ฟ มัวร์
ชัยชนะนัดนี้ทำให้สิงห์บลูส์รักษาสถิติอันยอดเยี่ยมในการบุกเยือนเบิร์นลี่ย์ โดยพวกเราคว้าชัย 6 จาก 7 ครั้งหลังสุดในการบุกมาเยือนถิ่นเทิร์ฟ มัวร์สำหรับการแข่งขันพรีเมียร์ ลีก และยิงได้อย่างน้อย 2 ลูกในนัดที่เอาชนะ การปราชัยนัดล่าสุดในทุก ๆ รายการที่นี่ต้องย้อนกลับไปถึงปี 1983 ตอนที่เจอกันสมัยทำสงครามหนีตกชั้นจากดิวิชั่นสอง
เก็บคลีนชีตต่อเนื่อง
หลังเกิดคำถามขึ้นมากมายเกี่ยวกับการเล่นเกมรับของเชลซีในช่วงต้นฤดูกาล ปัจจุบันพวกเราดูแข็งแกร่งขึ้นมาก ทีมเก็บคลีนชีตได้เป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันรวมทุกรายการ และไม่เสียประตูให้คู่แข่งยามลงเล่นเป็นทีมเยือนในพรีเมียร์ ลีกได้ 2 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018
เอดูอาร์ เมนดี้ เป็นผู้รักษาประตูคนแรกที่เก็บคลีนชีตใน 3 นัดแรกของการลงเล่นพรีเมียร์ ลีกให้กับเชลซี นับตั้งแต่ที่เพตเตอร์ เช็กเคยทำได้เมื่อเดือนสิงหาคม 2004
นัดต่อไป?
การแข่งขันสัปดาห์ละ 2 ครั้งยังคงดำเนินต่อไป โดยมีโปรแกรมแชมเปี้ยนส์ ลีกรอเราอยู่ในนัดกลางสัปดาห์ ซึ่งหนนี้จะเป็นการเปิดบ้านรับมือแรนส์ที่ปัจจุบันรั้งอันดับ 3 ของลีก เอิง พวกเขามีอยู่ 1 คะแนนจากการลงเล่น 2 นัดแรกของกลุ่ม E
เชลซี (4-3-3): เมนดี้; เจมส์, ธิอาโก้ ซิลวา (c), ซูม่า, ชิลเวลล์; เมาท์, ก็องเต้, ฮาแวร์ตซ์ (จอร์จินโญ่ 86); ซิเยค (ฮัดสัน-โอดอย 73), อับราฮัม (ชิรูด์ 77), แวร์เนอร์ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม กาบาเยโร่, ซิเกอร์, อัซปิลิเกวต้า, รูดิเกอร์ผู้ทำประตู ซิเยค 27, ซูม่า 63, แวร์เนอน์ 67เบิร์นลี่ย์ (4-4-2) โป๊บ; โลว์ตั้น, ลอง, ทาร์คอฟสกี้, เทย์เลอร์; บราวน์ฮิลล์, เวสต์วู้ด (c), สตีเฟ่นส์ (โรดริเกซ h-t), แม็คนีล; บาร์นส์ (เบรดี้ 73), วู้ดตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม พีค็อก-ฟาร์เรลล์, ดันน์, ธอมป์สัน, ริชาร์ดสัน, ไวดร้าใบเหลือง ลอง 48
ผู้ตัดสิน เดวิด คู้ต