ก่อนเกมวันนี้… แฟรงค์ แลมพาร์ดได้ฉีกกิจวัตรตัวเองจากสั่งลูกทีมซ้อมเช้า เป็นกิจวัตรที่เจ้าตัวนั้นย้ำว่าให้ความสำคัญไม่แพ้กัน

จากโปรแกรมคิก-ออฟ ของเกมที่แสตมฟอร์ด บริดจ์ นั้นตรงกับเวลาอังกฤษในช่วงบ่าย ทำให้บรรดานักเตะจะต้องพักค้างคืนที่โรงแรมเพื่อทำการเตรียมตัว ส่งผลให้ตารางการซ้อมปกติเป็นอันต้องมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช้านี้ผู้จัดการทีมของเราตื่นมาพา”เจ้ามินนี่” สุนัขสุดรักสุดห่วงของเขาออกมาเดินเล่น โดยแลมพาร์ดจัดว่ามันเสมือนเป็นการถือเคล็ดอะไรบางอย่างที่เกี่ยวเนื่องไปกับการกระทำอื่นๆด้วยเช่น เวลา ที่ออกมายังสนามซ้อมและรองเท้าสตั๊ดคู่ไหนที่เขาเลือกใส่ออกมา โดยเป็นเรื่องของการถือเคล็ดที่เขาย้ำว่ามีที่มาที่ไป

“มันอาจจะดูเพี้ยนๆนะ” แลมพาร์ด กล่าว “ผมพาสุนัขออกมาเดินเล่นในเวลาเดิมในวันเดิมๆ และก่อนถึงเวลาซ้อมผมก็จะจูงมันไปที่ร้านกาแฟแถวนี้ เพื่อซื้อกาแฟกลับมาและก็พามันเดินกลับไปในเวลาเดิมและเส้นทางเดิม ไม่มีอะไรตื่นเต้นกว่านี้แล้วละ!”

“ผมเดินจูงสุนัขประจำ ผมพบว่ามันดีสำหรับการเคลียร์สมองให้โล่งและเพราะทำแบบนั้นได้ ผมจึงชอบเข้ายิมเช่นกัน มันเป็นอีกหนึ่งเคล็ดของผมเลย ผมจะต้องใช้เวลากับการปั่นจักรยานในระยะเวลาเท่าเดิมคือ 50 นาที หรือไม่ก็ใช้เส้นทางเดิมกับที่วิ่ง”

“ผมรู้สึกไม่ดีเลย พอไม่ได้ทำกิจวัตรเหล่านี้ มันรู้สึกเหมือนว่าจะมีผลกระทบอะไรกลับมา ซึ่งบางครั้งผมก็คิดถึงการพาสุนัขไปเดินเล่นขึ้นมาซะอย่างนั้น”

เช่นเดียวกันกับผู้จัดการทีมที่แลมพาร์ด เข้ามารับช่วงต่ออย่างเมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่เคยกล่าวถึงการถือเคล็ดเพื่อโชคลางสมัยที่เขายังอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการไม่เหยียบพื้นสนามหญ้า หรือแม้แต่ตัดผมตามผลการแข่งขัน

“เมินเรื่องโครงสร้าง ผมชอบพาสุนัขไปเดินเล่นแค่นั้นเอง” แลมพาร์ด กล่าวเสริม

“ถ้ามันเป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกทรมาน ผมคงจะเลิกทำมันไปนานแล้วละ แต่นี่มันกลับเพลิดเพลินเหมือนได้เข้ายิม ผมชอบพามันไปเดินเล่น ชอบกินพาสต้าในมื้อก่อนแข่ง ผมยึดสิ่งเหล่านี้ไว้ปฎิบัติน่ะ”

“ผมทำแบบนี้ตั้งแต่ตอนยังเป็นนักเตะ และในห้องแต่งตัวของเรามันก็เป็นเรื่องปกติ ผู้เล่นหลายๆคนก็ทำ อย่างจอห์น เทอร์รี่เขาก็จะจริงจังกับการเตรียมตัวของเขามาก เราทุกคนต่างกันอยู่แล้ว ผมไม่ได้เชื่อจนงมงายขนาดนั้นนะ ผมชอบคิดว่ามันเป็นเรื่องขำๆ ด้วยซ้ำ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่าเราอยากทำผลงานดีและอยากชนะมากแค่ไหนไม่ว่าจะมีผลหรือไม่ก็ตาม คือถ้ามันเข้ามาอยู่ในหัวคุณแล้ว แน่ละว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด แม้บางครั้งคุณจะเบื่อเหลือเกินที่ต้องคอยฝืนบังคับตัวเองไม่ให้หลุดจากการรักษาเคล็ดเหล่านั้นไว้”

ซึ่งหากเขาทำแล้ว ฟอร์มของทีมจะแรงต่อเนื่องเหมือนกับที่ผ่านมา จนแลมพาร์ดคว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนมาครอง ก็คงไม่มีเหตุผลให้เขาต้องไปเลิกทำหรอกจริงไหม?