แฟรงค์ แลมพาร์ดส่งทีมเดี่ยวกันกับที่ชนะท็อตแน่มเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาลงสนามอีกครั้ง

โทนี่ รูดิเกอร์และแอนเดรียส คริสเตนเซ่นลงเป็นกองหลัง โดยมีวิลลี่ กาบาเยโร่ลงเฝ้าเสา เป็นเกมแรกของเขาในแชมป์เปี้ยนส์ ลีกกับเชลซี แต่เคยเล่นในรายการนี้มาแล้วหลายครั้งกับแมนฯ ซิตี้ และมาลาก้า

บาเยิร์น มิวนิคเปลี่ยนผู้เล่น 4 คนจากเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟิลิปเป้ คูตินโญ่เป็นตัวสำรองในเกมนี้

เชลซี : กาบาเยโร่, อัซปิลิเกวต้า (c), คริสเตนเซ่น, รูดิเกอร์, เจมส์, จอร์จินโญ่, โควาซิช, อลอนโซ่, บาร์คลี่ย์, เมาท์, ชิรูด์

สำรอง : เกปา, ซูม่า, เอเมอร์สัน, กิลมอร์, วิลเลี่ยน, เปโดร, อับราฮัม

บาเยิร์น : นอยเออร์ (c), ปาวาร์ด, บัวเต็ง, อลาบา, เดวี่ย์ส, ติอาโก้, คิมมิช, นาร์บี้, มุลเลอร์, คอนแมน, เลวานดอฟสกี้

สำรอง : อุลเรช, โอดริโอโซล่า, โกเร็ตซ์ก้า, เอร์นานเดซ, โตลิสโซ่, คูตินโญ่, เซิร์คซี่

กรรมการ : คลีแมงต์ เทอร์แปง

สรุปสถิติ

เกมสี่นัดที่เจอกันก่อนหน้าในทุกรายการระหว่างเชลซีและบาเยิร์น มิวนิค มีประตูเกิดขึ้นทั้งหมด 17 ประตู คิดเฉลี่ยเป็น 4.25 ประตูต่อเกม

ครั้งแรกที่บาเยิร์นกับเชลซีเจอกันคือเกมแชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศฤดูกาล 2004/05 โดยทีมสิงห์บลูส์ของโชเซ่ มูรินโญ่ชนะไปด้วยสกอร์รวม 6-5 โดยเชลซีชนะเกมเหย้านัดแรกด้วยสกอร์ 4-2 แฟรงค์ แลมพาร์ดยิงไปสองประตู รวมกับประตูของดิดิเยร์ ดร็อกบาด้วย ต่อมาในเกมที่สอง บาเยิร์นชนะ 3-2 แลมพาร์ดและดร็อกบาเป็นผู้ยิงประตูอีกครั้ง แต่บาเยิร์นตกรอบไปด้วยสกอร์รวมที่น้อยกว่า

ครั้งล่าสุดที่พบกันคือในซูเปอร์คัพ 2013 บาเยิร์นชนะจุดโทษหลังเสมอในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยเป๊ป กวาร์ดิโอล่าเป็นผู้จัดการทีมเสือใต้ในตอนนั้น

ในบรรดานักเตะ 22 คนที่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแชมปืเปี้ยนส์ ลีกรอบชิงชนะเลิศปี 2012 มีเพียง 3 คนที่ยังอยู่ในทีมเดิม และทั้งหมดเป็นทีมบาเยิร์น มิวนิค - มานูเอล นอยเออร์, เจอโรม บัวเต็ง และโทมัส มุลเลอร์

แฟรงค์ แลมพาร์ดทำสามประตูในเกมแชมป์เปี้ยนส์ ลีก 4 นัดที่พบบาเยิร์น มิวนิคตอนที่เป็นนักเตะ และยังยิงหนึ่งในจุดโทษที่ทำให้เราชนะในรอบชิงปี 2012 ด้วย

แลมพาร์ดเป็นผู้จัดการทีมชาวอังกฤษคนแรกที่พาทีมผ่านรอบแบ่งกลุ่มของแชมป์เปี้ยนส์ ลีกได้ นับตั้งแต่ที่แฮร์รี่ เรดแน็ปป์ทำไว้กับท็อตแน่มเมื่อฤดูกาล 2010/11