กองหน้ารายนี้ ย้ายกลับไปอยู่กับสโมสรที่เขาประสบความสำเร็จร่วมด้วยมาเป็นเวลา 4 ปี ก่อนมาอยู่ที่ลอนดอนตะวันตก โดยจะอำลาสแตมฟอร์ด บริดจ์ กลับไปเล่นที่บ้านเกิดในฐานะแชมป์ยุโรปและแชมป์โลก

การคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกในค่ำคืนที่ปอร์โต้ เป็นสิ่งที่นำเสนอไฮไลต์ของช่วงเวลาของเขากับ "สิงห์บลูส์" โดยติโม มีบทบาทสำคัญกับพวกเราระหว่างซีซั่นแรกของเขาในประเทศอังกฤษ ไม่มีใครทำสถิติการยิง 12 ประตูหรือ 15 แอสซิสต์รวมทุกรายการเท่ากับเขา และมีเพียงแค่เมสัน เมาท์ ที่ลงสนามให้เชลซีมากกว่าในซีซั่น 2020/21

ประตูแรกของแวร์เนอร์กับสโมสร เกิดขึ้นในการลงสนามนัดที่ 4 ซึ่งเป็นการพบกับท็อตแน่ม โดยเป็นจุดเริ่มต้นการยิง 8 ลูกใน 9 นัด ซึ่ง 4 จากในนั้นคือ 2 ชัยชนะสำคัญในแชมเปี้ยนส์ ลีก เหนือคราสโนดาร์ และแรนส์

เขาไม่สามารถสานต่อผลงานร้อนแรงดังกล่าวได้ในช่วงฤดูหนาว หลังถูกจับไปยืนเป็นปีก อย่างไรก็ตาม ฟอร์มเริ่มกระเตื้องขึ้นช่วงปลายซีซั่น หลังการเข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชของโธมัส ทูเคิ่ล ทำให้แวร์เนอร์มีบทบาทสำคัญในช่วงโค้งสุดท้าย แม้ว่าจะทำประตูไม่ได้มากเท่าตอนแรกก็ตาม

เขาเป็นคนแอสซิสต์ประตูชัยในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเลสเตอร์ ซิตี้ในพรีเมียร์ ลีก ซึ่งช่วยให้พวกเราจบท็อปโฟร์สำเร็จ นอกจากนี้ยังจ่ายบอลให้ฮาคิม ซิเยค ยิงใส่ "เรือใบสีฟ้า" ในรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ ทำให้พวกเราผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ

ฟอร์มของเขาในเกมทั้ง 2 นัดของรายการแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศกับเรอัล มาดริด ถือว่าเป็นไฮไลต์ในการค้าแข้งกับเชลซี โดยเป็นตัวตั้งต้นการเล่นเกมสวนกลับ และยิงประตูเบิกร่องในนัดที่ 2 ก่อนจะออกสตาร์ตในชัยชนะเหนือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศ

ถ้วยรางวัลยังคงตามมาในฤดูกาล 2021/22 ซึ่งแวร์เนอร์เป็นมือสังหารจุดโทษรายแรก ในการดวลตัดสินที่เราเอาชนะบียาร์เรอัล ในศึกยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ จากนั้นเป็นตัวสำรองในเกมฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รอบชิงชนะเลิศที่เราเฉือนพัลไมรัส และชูโทรฟี่เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

เป็นอีกครั้งที่เขาทำผลงานแข็งแกร่งในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล โดยลงสนามไป 9 จาก 12 นัดแรกของพวกเรา และยิงท้ายเกมให้พวกเราขึ้นนำเซาท์แธมป์ตันในพรีเมียร์ ลีก โชคร้ายที่ฤดูกาลของแข้งชาวเยอรมัน ถูกรบกวนโดยอาการบาดเจ็บแฮมสตริง แต่หลังหายไปหนึ่งเดือน เขากลับมายิงประตูในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเราถล่มยูเวนตุส 4-0

นั่นคือ 1 ใน 4 ประตูที่เขายิงได้ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2021/22 และอีก 1 ลูกจากในนั้นเป็นการสร้างสถิติยิงเร็วที่สุดในรายการดังกล่าวของเชลซี โดยซัดในนาทีที่ 1.23 เกมกับเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก

ฤดูกาลที่มีทั้งขึ้นและลง ถูกรบกวนอีกครั้งด้วยการติดเชื้อโควิด แต่เขามาทำผลงานได้ดีในเดือนเมษายน ด้วยการยิง 4 ประตูใน 4 เกม - แบ่งเป็นการยิง 2 ลูกในแมตช์ที่เราถล่ม "นักบุญ" 6-0 ในพรีเมียร์ ลีก ตามด้วยอีก 1 ประตูใส่เรอัล มาดริด ก่อนจะซัดใส่อาร์เซนอลในเกมที่พวกเราปราชัย ซึ่งลูกยิงดังกล่าวคือประตูสุดท้ายของติโม แวร์เนอร์ ในสีเสื้อเชลซี

โดยรวมแล้ว ช่วงเวลา 2 ปีของแวร์เนอร์กับเชลซีดำเนินมาถึงจุดจบ ด้วยการลงเล่น 89 นัดให้กับสโมสร ยิงไป 23 ประตู

ทุกคนที่สโมสรเชลซี ขอขอบคุณติโมสำหรับการมีส่วนร่วมของเขาต่อความสำเร็จตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของพวกเรา และขออวยพรให้เขาโชคดีในอนาคตข้างหน้า