เชลซี วีเม่น เจอกับการปราชัยอันน่าเจ็บปวด ในเกมวีเม่นส์ ซูเปอร์ ลีก นัดแรกของฤดูกาล โดยแมตช์นี้มีจุดโทษ 3 ลูก ขณะที่ "เดอะ บลูส์" โดนยกเลิกประตูไปด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้เชลซีจะครองบอลเป็นส่วนใหญ่ แต่โอกาสการเข้าทำของพวกเรา เริ่มลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป และมาโดนลงโทษในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลตามตีเสมอจากจุดโทษ โดยบอลไปโดนแขนของมิลลี่ ไบรท์ในกรอบเขตโทษ ทำให้เคธี สเตงเกิ้ล กดตุงตาข่าย

จากนั้น สเตงเกิ้ล ล้มลงจากการเข้าปะทะของคาเดช่า บิวแคนัน ซึ่งผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ ก่อนเธอจะลุกขึ้นมาสังหาร ทำให้ "หงส์แดง" พลิกนำในนาทีที่ 87 ซึ่งพวกเขารักษาสกอร์เอาไว้ได้ โดยจุดโทษ 2 ลูกของพวกเขา คือการยิงเข้ากรอบ 2 ครั้งตลอดทั้งเกม

ออกสตาร์ตโดดเด่น

เชลซี เริ่มเกมได้อย่างรวดเร็ว และกดดันให้ลิเวอร์พูลต้องลงไปตั้งรับ เราทำการเพรสซิ่งตั้งแต่แดนบนและแย่งบอลคืนมา ซึ่งไม่นานนัก การกดดันนั้นก็ออกผล

ภายในนาทีแรก ไรเท่น ไม่ยอมเสียการครองบอลในกรอบ และเอาชนะฟลาเฮอร์ตี้ อดีตนักเตะเชลซี จนแย่งบอลไปได้ ก่อนจะล้มลงจากการเหยียดขาสกัดของกองหลัง ซึ่งผู้ตัดสินไม่ลังเลชี้เป็นจุดโทษทันที

เคอร์บี้ รับหน้าที่สังหารและไม่พลาดเป้า ทำให้เชลซีออกนำ ขณะที่เธอยิงประตูลูกที่ 8 ในการแข่งขัน WSL ทั้งหมด 9 นัดกับลิเวอร์พูล

เชลซี โดนเตือนจากการย่ามใจเมื่อเอ็มม่า คอยวิสโต้ ตะบันเหินโด่งข้ามคานจากระยะไม่กี่หลา ในตอนที่มูโซวิช ไม่สามารถตัดบอลจากลูกครอสทางฝั่งซ้ายของลิเวอร์พูล

เคอร์ โดนธงล้ำหน้าเล่นงาน

ภายในเวลา 20 นาที ดูเหมือนว่าเคอร์ จะยิงให้เชลซีหนีห่างได้ โดยเธอสอดไปรับบอลหนีแผงกองหลังที่ยืนสูงของคู่แข่ง จากนั้นแข้งชาวออสเตรเลีย วิ่งจี้เข้ากรอบแล้วยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเสียบใต้คาน

อย่างไรก็ตาม ไลน์แมนตีธงล้ำหน้า และประตูถูกยกเลิกไป สร้างความผิดหวังให้กับเคอร์ หลังจากนั้น คัธเบิร์ต ได้ฮาล์ฟวอลเล่ย์จากระยะไกล ซึ่งหลุดเสาออกไปนิดเดียว

เดอะ บลูส์ เป็นฝ่ายได้ประโยชน์จากการตีธงล้ำหน้าบ้าง เมื่อลิเวอร์พูล เอาตัวรอดจากแดนตัวเอง หลังโดนเชลซีกดอยู่นาน และเป็นลีแอนน์ เคียร์นัน ที่หลุดเข้าไปยิงผ่านมือมูโซวิชแต่ชนเสา อย่างไรก็ตาม ภาพช้าแสดงให้เห็นว่าจังหวะที่รับบอลนั้นเธอออฟไซด์ไปเยอะ

ขณะที่การแข่งขันเหลืออยู่ 15 นาที เจ้าบ้านเริ่มมีแอ็กชั่นมากขึ้น แต่สิ่งดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานนัก และเป็นเชลซีที่ยุติเกมครึ่งแรกได้อย่างแข็งแกร่ง จังหวะที่ใกล้เคียงได้ประตูหนีห่างมากที่สุดก่อนพักครึ่ง เป็นลูกโหม่งที่เสาไกลของเคอร์ แต่หลุดออกหลังไป

โดนเอาคืนในครึ่งหลัง

ลิเวอร์พูล มาตามตีเสมอจากลูกจุดโทษบ้าง โดยเป็นจังหวะการทุ่มไกลของ "หงส์แดง" ซึ่งบอลกระเด้งชนผู้เล่นในกรอบเขตโทษ แล้วสุดท้ายไปโดนแขนของไบรท์ จนผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ และเป็นทางเคธี สติงเกิ้ล ที่สังหารเข้าไป

เหลือเวลาการแข่งขันอีกประมาณ 20 นาที โดยเชลซีกลับมาครองเกมได้อีกครั้ง และพยายามหาทางทวงประตูนำ ซึ่งเคอร์บี้เกือบทำได้ ในจังหวะที่ไรเท่นแทงทะลุช่องไปให้

จบเกมอย่างเจ็บปวด

เชลซี มุ่งมั่นทวงประตูชัยอย่างที่ผลงานของเราสมควรจะได้รับ แต่สิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น หลังจากที่เคอร์บี้ พยายามเปิดบอลอันตรายให้กับเคอร์ 2 ครั้ง แต่ช่วงท้ายเรากลับมาโดนเล่นงาน

สเตงเกิ้ล วิ่งปรี่ไปหาบอลที่โดนเคลียร์มาจากเกมรับของลิเวอร์พูล และสามารถหลบหนีการประกบของแม็กดาลีน่า เอริคส์สัน รวมทั้งคาเดชา บิวแคนัน จากทางฝั่งซ้ายก่อนมุ่งหน้าเข้ากรอบเขตโทษ บิวแคนัน พยายามเข้ามาเสียบทำลายจังหวะยิงและแย่งบอลมาได้ แต่ผู้ตัดสินมองว่าเธอไปโดนตัวคู่แข่งก่อน และเป่าเป็นจุดโทษลูกที่ 3 ของเกม

เป็นอีกครั้งที่ สเตงเกิ้ล สังหารบอลเข้าไปทำให้ลิเวอร์พูลได้ประตูนำ ซึ่ง ณ ตอนนั้นการแข่งขันเหลือเพียง 3 นาที บวกกับช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โดยแม้ว่า "สิงห์บลูส์สาว" พยายามขึงเกมรุกทวงประตูตีเสมอ โดยมีการครอสบอลเข้าเขตโทษหลายครั้ง แต่สุดท้ายแล้วพวกเราไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้

เชลซี (3-4-1-2): มูโซวิช; ไบรท์ (เปริสเซต์ 70), บิวแคนัน, เอริคส์สัน (c); เจมส์ (อิงแลนด์ 85), คัธเบิร์ต, อิงเกิ้ล (คานโควิช 80), ชาร์ลส์; เคอร์บี้; เคอร์, ไรเท่น (รีตติ้ง แคเนอรีด 70)
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม: เบอร์เกอร์, คาร์เตอร์, สวิตโคว่า, เมลจ์เด้
ผู้ทำประตู: เคอร์บี้ จุดโทษ 3

ลิเวอร์พูล (3-4-3): ลอส์; ฟลาเฮอร์ตี้, ฟาเฮย์, แมทธิวส์; คอยวิสโต้ (โรเบิร์ตส์ 72), เคิร์นส์ (เฟอร์เนสส์ 72), ฮอลแลนด์, ไฮน์ดส์; ลอว์ลี่ย์ (แดเนียลส์ 72), สเตงเกิ้ล (ฮัมฟรีย์ 90+5), เคียร์นัน (แคมป์เบลล์ 57)
ตัวสำรองไม่ได้ลงสนาม: โร้บ, คูมิงส์, เคอร์บี้, ซิลค็อก
ผู้ทำประตู: สเตงเกิ้ล จุดโทษ 67, จุดโทษ 87
ใบเหลือง: ฮอลแลนด์ 18, แคมป์เบลล์ 90+3

ผู้ตัดสิน: เอมิลี่ ฮีสลิป

ผู้ชม: 3,006