มาร์โก ฟาน กิงเคล
วันเกิด
30 พฤศจิกายน 1992เมืองเกิด
เนเธอร์แลนด์ตำแหน่ง
กองกลาง
มาร์โก ฟาน กิงเคล เข้าร่วมทีมเชลซีโดยย้ายมาจาก วิเทสส์ อาร์เน่ม เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2013 โดยเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปีกับเดอะบลูส์
นักเตะชาวดัตช์ สูง 6 ฟุต 1 นิ้ว สร้างชื่อเสียงจากความโดดเด่นเรื่องของพละกำลัง, การควบคุมบอล และการจ่ายบอลในแดนกลาง ทั้งยังเล่นได้ในแนวรุกและรับ
จากการบาดเจ็บร้ายแรงในนัดที่แข่งรายการแคปิตอล วัน คัพ ช่วงต้นฤดูกาล ทำให้เขาไม่ได้ลงแข่งในเวลาต่อมา และหลังจากที่พักฟื้นจนหาย เขาก็กลับมาร่วมทีมได้อีกครั้งในช่วงต้นเดือนมีนาคม ปี 2014 และใช้เวลาที่เหลือของฤดูกาลไปเล่นให้เอซี มิลาน
ฤดูกาล
2013/14
ฟาน กิงเคล ลงเดบิวต์ให้เชลซีนัดแรกโดยเปลี่ยนตัวลงมาช่วงท้ายเกมในนัดที่ชนะฮัลล์ ซิตี้ 2-0 ในวันแรกของฤดูกาล 2013/14 และลงเป็นตัวจริงครั้งแรกในนัดที่พบกับบาเซิล รายการแชมป์เปี้ยนส์ ลีก
อย่างไรก็ตาม เขาลงเป็นตัวจริงในการแข่งขันแคปิตอล วัน คัพ พบกับสวินดอน ทาวน์ ฟาน กิงเคลก็บาดเจ็บร้ายแรงจากการแข่งนัดนี้และต้องพักยาวถึง 6 เดือน
เขาทำงานอย่างหนักจนฟื้นตัวกลับมาลงเล่นให้ทีมเชลซีชุด U21 ได้อีกครั้งในช่วงก่อนจบฤดูกาล เขายังได้ถูกเรียกติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์เข้าร่วมแคมป์ฝึกซ้อมก่อนฟุตบอลโลกอีกด้วย
2014/15
หลังจากที่ได้ร่วมอยู่ในทีมของมูรินโญ่ในช่วงพรีซีซั่น ต่อมาในวันที่ 1 กันยายน ฟาน กิงเคลก็ได้ใช้เวลาในฤดูกาลต่อมาไปเล่นให้กับเอซี มิลาน
เขาลงเล่นให้กับทีมในเซเรีย อา อยู่ 2 นัด ก่อนจะได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าในระหว่างฝึกซ้อมช่วงเดือนธันวาคม เขากลับมาลงเล่นได้อีกครั้งในช่วงปลายเดือนมกราคมในเกมที่พบกับลาซิโอ้ และจบฤดูกาลนั้นอย่างแข็งแกร่ง เขาได้ลงเป็นตัวจริงให้กับทีม และทำประตูในเกมที่ชนะโรม่า 2-1 อีกด้วย
2015/16
วันที่ 10 กรกฎาคม 2015 ฟาน กิงเคลก็ได้ถูกยืมตัวไปเล่นให้กับสโต๊ค ซิตี้ อย่างไรก็ตาม ในวันสุดท้ายของการเปิดตลาดซื้อขายนักเตะ เขาก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับพีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น ที่เนเธอร์แลนด์ หลังจากเล่นให้สโต๊คไป 21 นัดในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล ก่อนจะยกเลิกสัญญาแล้วยัายไปเล่นให้กับทีมจ่าฝูงของเอเรดิวิซี่ย์แทน เขาทำประตูได้ในเกมแรกที่ลงเป็นตัวจริง ซึ่งพบกับทีมอูเทรชต์ และต่อมาก็ประสบความสำเร็จกับทีมด้วย
เขาทำประตูไปทั้งหมด 8 ประตูในการลงแข่ง 16 นัด มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมพีเอสวีคว้าแชมป์ลีกดัตช์ หลังเอาชนะอาแจ๊กซ์ได้ในวันปิดฤดูกาล
ฟาน กิงเคลยังได้ลงเล่นทุกนาทีในเกมที่ทีมพบกับแอตเลติโก้ มาดริด แต่แพ้การดวลจุดโทษไปอย่างน่าเสียดาย เขาทำประตูในช่วงดวลจุดโทษได้เหมือนกับตอนที่เล่นให้สโต๊คในลีก คัพ ที่พบลิเวอร์พูลก่อนหน้านั้นด้วย ฟอร์มการเล่นของเขาทำให้เขาได้กลับขึ้นมาเล่นในทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้ง
2016/17
หลังจากที่บาดเจ็บในช่วงพรีซีซั่น ฟาน กิงเคลก็ได้กลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีม U23 เก็บประสบการณ์ภายใต้การคุมทีมของอาดี วิวีช
วันที่ 31 ธันวาคม เขาเซ็นสัญญาใหม่กับเชลซีไปอีก 2 ปีครึ่ง และถูกยืมตัวไปเล่นให้พีเอสวีจนจบฤดูกาล
ฟาน กิงเคลทำประตูได้ในเกมนัดแรกที่ลงเล่นให้ PSV และเกมที่ชนะฮีเรนวีน 4-3
หลังจากนั้นฟาน กิงเคลก็ทำประตูได้ติด ๆ กันในเดือนกุมภาพันธ์ในเกมที่พบกับอูเตรชต์และเอ็นอีซี ไนจ์เมเก้น จบฤดูกาลเขาลงเล่นไปทั้งหมด 15 นัดและยิงรวม 7 ประตู ทีมของเขาจบที่อันดับสามของลีก ดัตช์
เดือนกรกฎาคม 2017 ฟาน กิงเคลได้ต่อสัญญากับเชลซีไปอีกหนึ่งปี ทำให้เขาจะอยู่ที่เชลซีไปจนถึงปี 2020 และต่อมาก็ถูกยืมตัวไปเล่นให้พีเอาวีจนจบฤดูกาลหน้า
2017/18
ถือเป็นฤดูกาลที่น่าจดจำสำหรับฟาน กิงเคล โดยเขาสวมปลอกแขนกัปตันพาพีเอสวีคว้าแชมป์ลีก และยิงไปถึง 14 ลูกจากการลงเล่นเกมลีก 28 นัดในตำแหน่งมิดฟิลด์ 10 ประตูของเขาเกิดขึ้นก่อนการเบรคหนีหนาว ส่วนอีก 4 ลูก เกิดขึ้นในช่วงการขับเคี่ยวแย่งแชมป์อย่างดุเดือดกับอาแย็กซ์
อย่างไรก็ตาม เดือนกรกฎาคม ปี 2018 ฟาน กิงเคล ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่อีกครั้งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า
2020/21
เดือนตุลาคม ปี 2020 ซึ่งผ่านมา 2 ปีนับตั้งแต่การลงเล่นครั้งล่าสุด ฟาน กิงเคล ย้ายกลับไปอยู่กับพีเอสวีด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาลเต็มอีกครั้ง
ช่วงก่อนย้ายมาเชลซี
เชลซีเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพสโมสรที่สองของฟาน กิงเคล นักเตะวัย 20 ปีผ่านระบบเยาวชนมาจากทีวิเทสส์ อาร์เน่ม ก่อนจะลงเดบิวต์ในลีกสูงสุดของเนเธอแลนด์ในช่วงปลายฤดูกาล 2009/10 ตอนที่อายุ 17 ปี
ฟาน กิงเคล ลงแข่งเป็นตัวจริงหนึ่งครั้ง และเป็นตัวสำรองอีก 3 ครั้งให้วิเทสส์ในฤดูกาล 2009/10 และลงเป็นตัวจริง 6 ครั้ง เป็นตัวสำรอง 11 ครั้งในฤดูกาล 2010/11 เกมแรกในฤดูกาลนั้นของเขาคือนัดที่ไปเยือน อาแจกซ์ และทำประตูแรกให้ทีมในระดับสูงได้ในนัดนั้น ก่อนจะทำเพิ่มได้อีก 4 ประตูก่อนจะจบฤดูกาล
ในฤดูกาล 2011/12 นักเตะหนุ่มเป็นตัวจริงของทีม ลงแข่ง 36 นัด จากทั้งหมด 38 นัด และทำประตูได้รวม 6 ครั้ง และเกือบจะทำได้เป็นสองเท่าในฤดูกาลต่อมาที่ทำได้ 11 ประตูจากการลงแข่งทั้งหมด 41 นัด
วิเทสส์จบฤดูกาลในตำแหน่งอันดับที่ 4 ของลีกเนเธอร์แลนด์ ตามหลังอาแจ๊กซ์, PSV และ เฟเยนอร์ด
เขาได้รับรางวัลนักเตะพรสวรรค์ยอดเยี่ยมของเนเธอร์แลนด์ในฤดูกาล 2012/13 และได้รับรางวัลนักเตะเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปี เหมือนกับที่อาร์เย่น ร็อบเบน, ซาโลม็อง กาลู และ เบาเดอไวน์ เซนเด้น
ผลงานกับทีมชาติ
ฟาน กิงเคลเป็นนักเตะในทีมชาติของประเทศของเขาในระดับ U19 ก่อนจะลงแข่ง 14 นัดในระดับ U21 ในช่วงนั้นเขาทำ 3 ประตูและลงเล่นให้ทีมชาติของเขาในการแข่งขันรายการ ยูโรเปี้ยน แชมป์เปี้ยนชิพ รุ่น U21
ต่อมาเขาลงเดบิวต์ให้ทีมชาติชุดใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2012 ลงเป็นตัวสำรองและถูกเปลี่ยนลงมาในสนามนาทีที่ 59 ในนัดกระชับมิตรทีเสมอกับเยอรมนี 0-0
ปี 2016 เขากลับมาเล่นให้ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่บาดเจ็บหัวเข่าไป ลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมพบอังกฤษที่เวมบลีย์ และลงเป็นตัวสำรองเช่นกันในเกมที่พบกับไอร์แลนด์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2016